ข่าว

จีน หารือ สตช. จ่อตัดน้ำ-ตัดไฟ ฝั่งเมียนมา สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์

จีน หารือ สตช. จ่อตัดน้ำ-ตัดไฟ ฝั่งเมียนมา สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์

29 ม.ค. 2568

ฝ่ายความมั่นคง ไทย-จีน ประชุมแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ไทยเป้นทางผ่านกระทำความผิด เอาจริงเตรียมตัดน้ำ-ตัดไฟ สกัดกั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวาน 28 ม.ค. 2568 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายหลิว จงอี (Mr.Liu Zhongyi) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมคณะเข้าหารือ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการค้ามนุษย์ ฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมา

                                                                          

หลังพบว่า ประเทศไทยถูกใช้เป็นทางผ่านของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปยังประเทศเมียนมา โดยเฉพาะตำรวจซึ่งมีหน้าที่ในการปราบปรามและจับกุม พร้อมสกัดกั้น เกี่ยวกับการกระทำผิดดังกล่าว เช่น กรณี "หวัง ซิง" ที่มีการเดินทางมาประเทศไทย ก่อนที่จะถูกหลอกข้ามไปยังประเทศเมียนมา ซึ่งทางการจีนก็สามารถออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องได้ประมาณ 30 คน โดยขณะนี้จับได้แล้ว 20 คน และไม่พบว่ามีคนไทยไปเกี่ยวข้อง ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทางการไทย ที่สามารถกดดันและช่วยเหลือให้ “หวังซิง” ออกมาได้ โดยเรื่องนี้ทางการจีนก็มีความกังวลเป็นอย่างมาก 

จีน หารือ สตช. จ่อตัดน้ำ-ตัดไฟ ฝั่งเมียนมา สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์

 

รวมทั้งกรณี “ฉือ จื้อเจียง“ ที่ก่อนหน้าให้ข้อมูลกับตำรวจสากลว่า มีความกังวลเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเผชิญกับอันตรายถึงชีวิต ภายใต้การคุมขังภายในคุกไทย เพราะได้รับการปฏิบัติที่ไร้มนุษยธรรม อ้างว่าถูกคุมขังเดี่ยว ล่ามโซ่ และปฏิเสธไม่ให้ได้รับการรักษาพยาบาล จากอาการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง รวมถึงปฏิเสธไม่ให้พบปะกับครอบครัว โดยจากการพูดคุยกับทางการจีนที่เข้าพบในวันนี้ ให้เหตุผลว่าต้องการตัวฉือ จื้อเจียง กลับไปดำเนินคดีที่จีน


พล.ต.อ.ธัชชัย ระบุว่า เนื่องจากเป็นอาชญากรรมอันดับ 1 เกี่ยวกับเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ แต่ขณะนี้การดำเนินคดียังอยู่การอุทธรณ์ในชั้นศาล แล้วตัวยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ เมื่อครบโทษหรือมีการพิจารณาแล้ว เข้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะประสานกับทางสำนักงานอัยการสูงสุด ทำเรื่องส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนให้กับทางการจีน ส่วนข้อเรียกร้องที่มีกระแสข่าวว่า ถูกคุกคามในเรือนจำนั้น ในที่ประชุมไม่ได้พูดคุยกันถึงเรื่องนี้

ยอมรับมีการใช้ไทยเป็นทางผ่านของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และปฏิเสธไม่ได้ว่าจะได้รับผลกระทบในเรื่องของการปรับลดการจัดลำดับเทียร์ เนื่องจากมีความละเอียดอ่อนในปัญหาการค้ามนุษย์ ดังนั้นไทยจึงต้องเพิ่มมาตรการเข้ม โดยเฉพาะในเรื่องของการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตอย่างเด็ดขาด แต่ก็ยังพบว่ามีผู้ประกอบการมีความพยายามลักลอบในการเชื่อมสัญญาณอยู่ เนื่องจากมีผลประโยชน์มหาศาล ดังนั้นทางการไทยก็ต้องแก้ปัญหาตรงนี้อย่างจริงจัง 


ซึ่งที่ผ่านมามีการตัดระบบสาธารณูปโภค เช่น ซิม สาย เสา น้ำ และไฟฟ้า มาโดยตลอด ตามยุทธการ “ระเบิดสะพานโจร” และประสานความร่วมมือกับกองทัพบกและฝ่ายปกครองในการลาดตระเวนตลอดแนวชายแดน ป้องกันการลักลอบให้บริการดังกล่าวจากฝั่งไทย กรณีมีคนร้ายเข้ามาในประเทศไทย แม้ไม่มีหมายจับ แต่ทางการไทยจะใช้ พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ ในการเพิกถอนวีซ่า และประสานส่งตัวกลับประเทศต้นทางได้ทันที


ส่วนการโยกย้ายตำรวจในสามพื้นที่ ซึ่งมองว่าเป็นการบริหารงานบุคคลเพื่อความโปร่งใสในการตรวจสอบ โดยจะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะขณะนี้ยังไม่พบว่าผู้กำกับในสามพื้นที่รวมทั้งข้าราชการอื่นๆ มีความเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ทั้งนี้การที่ทางการจีนเลือกมาเจรจากับไทย เนื่องจากคิดว่าประเทศไทยเป็นมิตรและมีความสัมพันธ์มายาวนาน อีกทั้งการเดินทางมาประเทศไทยสะดวก แต่ยอมรับว่ายังไม่ได้มีการคุยกับทางการของเมียนมา 

ส่วนที่มีรายงานข่าวว่า จะมีการส่งตัวเหยื่อค้ามนุษย์แก๊งคอลเซ็นเตอร์จากฝั่งเมียวดี ประเทศเมียนมาให้ยังทางการไทย จำนวน 61 คน ซึ่งประกอบด้วยชาวต่างชาติหลายสัญชาติและไม่มีคนไทย มายังอ.แม่สอด จ.ตาก โดยหลังจากนั้นทางตำรวจจะนำตัวทั้งหมดเข้าขบวนการกลไกการส่งต่อระดับชาติ (NRM) หรือการคัดแยกคัดกรองผู้เสียหายว่าจะเข้าข่ายขบวนการค้ามนุษย์ ต่อไป
 

จีน หารือ สตช. จ่อตัดน้ำ-ตัดไฟ ฝั่งเมียนมา สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์

 

จีน หารือ สตช. จ่อตัดน้ำ-ตัดไฟ ฝั่งเมียนมา สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์