ข่าว

ซ้อมเมียดับ อ้างรพ.ลื่นล้มห้องน้ำ แต่หมอผิดสังเกต ล็อคห้องฉุกเฉิน แจ้งตร.

ซ้อมเมียดับ อ้างรพ.ลื่นล้มห้องน้ำ แต่หมอผิดสังเกต ล็อคห้องฉุกเฉิน แจ้งตร.

05 ก.พ. 2568

หมอจับโป๊ะ สามีคนไข้ พาเมียส่งรพ. อ้างลื่นล้มห้องน้ำ แต่หมอพบพิรุธบาดแผล ล็อคห้องฉุกเฉิน แจ้งตร.ทันที ขณะที่ญาติลั่นไม่ให้อภัย ไม่ต้องขอขมา

กรณี น.ส.รุจิรา อายุ 33 ปี ถูกนายสุววณ สามีทำร้ายร่างกายเสียชีวิต ก่อนจะพาไปโรงพยาบาลแหลมฉบัง จ.ชลบุรี โดยอ้างกับหมอว่า ภรรยาล้มในห้องน้ำ แต่จากรอยช้ำตามร่างกาย ใบหน้าและดวงตา แพทย์พบความผิดสังเกต จึงตัดสินใจล็อกห้องฉุกเฉิน ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 

จากนั้นผู้เป็นสามีรับสารภาพว่า ได้ทำร้ายร่างกายภรรยา โดยการตบที่ใบหน้าไป 3 ครั้ง เพราะโกรธเคืองกัน และได้นอนหลับ เมื่อตื่นมาพบว่าภรรยาไม่ตื่น จึงรีบนำส่งโรงพยาบาล ก่อนจะพบว่าเสียชีวิต

ขณะที่แม่ของผู้เสียชีวิตได้เดินทางไปรับศพของลูกสาว เพื่อเดินทางมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดในจังหวัดกำแพงเพชร เมื่อวานนี้ (4 ก.พ.)

 

โดยผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเกิดของผู้เสียชีวิต ใน ต.ปางมะค่า อ.ขาณุวรลักษรบุรี จ.กำแพงเพชร ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ญาติยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าสามีของผู้เสียชีวิตจะลงมือทำอย่างโหดเหี้ยมขนาดนี้ และยังบอกกับหมอที่โรงพยาบาลอีกว่า "เมียล้มในห้องน้ำ" ซึ่งเป็นผัวเมียกันก็ควรพูดจากันดีๆ ไม่ต้องถึงขั้นลงมือกันขนาดนี้ 

 

นายสวัสดิ์ อายุ 58 ปี ลุงผู้เสียชีวิต เล่าว่า ได้โทรคุยกับหลานสาวว่าปีใหม่จะกลับมาเที่ยวบ้าน ซึ่งจะต้องรอโบนัสที่ทำงานออกก่อน ก่อนหน้านี้งานศพของป้า หลานก็ไม่ได้มา ตนมารู้ข่าวว่าอีกทีว่าหลานสาวเสียชีวิตแล้ว ซึ่งไม่ทราบว่า เกิดจากสาเหตุใด ก่อนหน้านั้นตนได้สอบถามน้องสาวซึ่งเป็นแม่ของหลานสาว ได้โทรไปหาลูกเขยจะขอคุยด้วย แต่ฝ่ายชายบอกว่าหลับไปแล้ว ซึ่งตนก็ขอคุยโทรศัพท์กับหลานเขยต่อ และถามว่าทะเลาะกันหรือไม่ ก็ยอมรับว่า ลงมือตบไป 3 ครั้ง แต่จากสภาพศพ คือ กามหัก คอหอมีรอยบีบที่คอ ตนเองรับไม่ได้กับการกระทำแบบนี้ ยืนยันว่าจะให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ทำกับหลานสาวแบบนี้ ตนไม่มีทางให้อภัยอย่างแน่นอน 

นายสวัสดิ์ กล่าวต่อว่า หากตนไปทำกับพี่น้องของเขาบ้าง จะคิดอย่างไร หลานสาวตนเป็นคนดี เป็นคนทำมาหากินเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ เป็นเสาหลักของคนในครอบครัว ตอนที่ฝ่ายขายมาบ้านที่กำแพงเพชร ตนก็มองว่าเป็นคนดี มีระเบียบเรียบร้อยดี แต่พักหลังมานี้ ตนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งได้ข่าวว่าวันเกิดเหตุฝ่ายชายดื่มเหล้าจนเมาและลงมือทำร้ายเมีย เกิดการหึงหวง หาว่าเมียไปมีชู้ ซึ่งเป็นผัวเมียกันอยู่ด้วยกันก็น่าจะพูดคุยกัน แต่เรื่องยาเสพติดตนไม้รู้ หลังจากที่ลงมือทำร้ายเมียแล้วตอนเช้าไปปลุก แต่เมียไม่ตื่น เลยพาส่งโรงพยาบาล จนความแตกดังกล่าว แม้แต่ตอนนี้จะมาขอขมาศพหลานสาวก็ไม่ต้องมา

 

 

ต่อมาศพของ น.ส.รุจิรา เดินทางมาถึงบ้านที่กำแพงเพชร โดย “เอ หมื่นศพ“ เป็นผู้นำศพของผู้เสียชีวิตมา และได้พาผู้สื่อข่าวขึ้นไปบนรถตู้กู้ภัยเปิดบาดแผลที่ถูกทำร้ายให้ดูและเก็บเป็นหลักฐาน พร้อมกับเล่าให้ฟังว่า มีผู้ที่อยู่ข้างห้องไม่ประสงค์ออกนาม บอกว่า ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากผู้เสียชีวิต ลักษณะเหมือนทะเลาะกัน แต่ตนมองว่าเรื่องของผัวเมียก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แต่การใช้ความรุนแรง ตนมองว่าไม่ควรเกิดขึ้น ซึ่งฝ่ายหญิงร้องขอชีวิตขนาดนี้แล้วฝ่ายชายทำไมถึงไม่หยุด เห็นใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตครั้งนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งวันนี้ตนนั่งรถมาตลอดทาง บางช่วงได้ยินเสียงร้องไห้ของผู้หญิง จนตนต้องจอดรถข้างทาง และเดินมาบอกว่า "อดทนนะเดี๋ยวก็จะถึงบ้านแล้ว" 

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามร่างกายของผู้เสียชีวิตนั้นมีบาดแผลฟกช้ำทั่วร่างกาย จะหนักไปในส่วนของศรีษะ โดยพบว่ามีอาการคอหัก ดั้งหัก ที่ลำคอมีรอยเขียวช้ำ 

 

นายสาธิก นามวงษา อายุ 24 ปี น้องชายผู้เสียชีวิต เล่าว่า หลังจากที่ตนเองและแม่ไปรับศพพี่สาวที่โรงพบาลตำรวจ ได้เห็นสภาพศพพี่สาวพบว่า บริเวณใบหน้าบวม เหมือนโดนซ้อมมาหนัก ซึ่งไม่ตรงกับคำพูดที่ฝ่ายชายบอกว่า ตบแค่ 3 ครั้ง และผลการชันสูตรของแพทย์ตามร่างกายก็ย้อนแย้งกับคำให้การกับตำรวจ ซึ่งขณะเดินทางไปรับศพ ยังไม่ถึง ตำรวจก็ให้ประกันตัวผู้ก่อเหตุไปเสียก่อน ไม่งั้นคงจะต้องมีคัดค้านการประกันตัว เพราะเกรงว่าพี่สาวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่อยากให้เรื่องเงียบ 

 

ที่ผ่านมาพี่สาวก็โทรมาเล่าให้ตนฟังบ่อยว่า มีเหตุทะเลาะและถูกทำร้ายร่างกายบ่อยครั้ง ซึ่งช่วงหลังปีใหม่เดือนมกราคม เริ่มทะเลาะกันหนักจนฝ่ายหญิงเริ่มตีตัวออกห่าง พร้อมโทรมาเล่าให้แม่ฟัง ก่อนที่จะเสียชีวิตฝ่ายชายได้โทรมาบอกกับแม่ว่า ทะเลาะกับฝ่ายหญิง แต่ก็ไม่ยอมให้คุยโทรศัพท์ด้วย บอกเพียงแค่ว่านอนหลับไปแล้ว จนมาพบว่าพี่สาวเสียชีวิตแล้ว ตนมองว่าตั้งใจที่จะฆ่าพี่สาวตนมากกว่าที่จะแค่ทะเลาะกัน