
โชเฟอร์ใส่ชุดทหาร อ้างเป็นเด็กเรวัช ชนแล้วหนี ขู่กู้ภัย ทิ้งผู้โดยสาร
โชเฟอร์สุดเพี้ยน ใส่ชุดทหาร อ้างเป็นลูกน้อง พล.ต.ท.เรวัช ขับรถชนแล้วหนี ทิ้งผู้โดยสาร พร้อมชักมีดขู่กู้ภัย ลั่น "เรื่องถึงนาย พวกมึงตายกันหมดแน่""
15 ก.พ.68 พ.ต.ท.ณธกร จันทร์ลอด สวป. สภ.หนองปรือ ได้รับแจ้งว่า มีอุบัติเหตุรถชนกัน และ มีผู้พยายามใช้อาวุธมีดวิ่งไล่ทำร้ายกู้ภัยฯ เหตุเกิดบริเวณทางรถไฟหนองหิน หมู่ 8 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรีบนำกำลังสายตรวจรีบไปทำการตรวจสอบ
เมื่อไปถึงพบครอบครัวนักท่องเที่ยวชาวเนเธอร์แลนด์ 3 พ่อ แม่ ลูก , ทีมกู้ภัยฯ และ คนขับรถรถจักรยานยนต์ ซึ่งถูกชนจนได้รับบาดเจ็บบาดเจ็บ ทั้งหมดอยู่ในอาการแตกตื่น ตกใจกลัว เนื่องจากถูกผู้ก่อเหตุที่เป็นคนขับรถรับจ้างผ่านแอพพลิเคชั่นหนึ่ง แต่งชุดลายพลางทหารเรือ ใช้อาวุธมีดอีโต้ ยาวประมาณ 50 ซม. ออกมาข่มขู่ ก่อนจะขึ้นขับรถเก๋ง โตโยต้า วีออส สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหลบหนีไป
นายศิริราช สิงห์เรือง อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯเมืองพัทยา เล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุ มาประสบเหตุรถยนต์เก๋งชนกับรถจักรยานยนต์ จึงได้จอดรถเพื่อลงไปช่วยผู้ได้รับบาดเจ็บ ทราบชื่อต่อมาคือ นายสมบัติ อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นฝ่ายขี่รถจักรยานยนต์ ส่วนฝ่ายที่ชนเป็นรถเก๋ง ก็ไม่ได้จอดดูคู่กรณี ได้ขับรถออกไปจากจุดเกิดเหตุ ก่อนจะวนกลับมาจุดเกิดเหตุอีกครั้ง จากนั้นคนขับได้ลงจากรถ แล้วมาพูดจาข่มขู่ และด่าทอคนขี่รถจักรยานยนต์ ตนเองจึงตัดสินใจบอกให้คู่กรณีพูดจาดีๆ โดยบอกว่า "ให้ใจเย็นๆเดี๋ยวผมขอดูแลคนเจ็บก่อน" แต่ปรากฏว่าคนขับรถเก๋ง เกิดความไม่พอใจ ได้หันมาพูดจาด่าทอกู้ภัยฯ แถมยังด่ากู้ภัยฯว่า "พวกมึงมันมิจฉาชีพ ทำกันเป็นขบวนการ มาหลอกต้มตุ๋นกู"
หลังจากตนเองถูกชายดังกล่าวด่า ก็พยายามสงบสติอารมณ์ ไม่ตอบโต้ แต่สุดท้ายก็ถูกชายดังกล่าวชักอาวุธมีดอีโต้ออกมา ข่มขู่ และ แถมยังจะไล่ฟันตนเองกับคู่กรณีฝ่ายรถจักรยานยนต์ ตอนนั้นตนเห็นท่าไม่ดีจึงวิทยุขอกำลังสนับสนุน แต่ปรากฏว่า ชายดังกล่าวเดินกลับไปที่รถเก๋ง แล้วไล่ครอบครัวชาวต่างชาติ 3 พ่อแม่ลูก ลงจากรถ ก่อนจะขับรถเก๋งหลบหนีไป จึงทำให้ตนเองรู้ว่าผู้ก่อเหตุเป็นคนขับรถรับจ้างผ่านแอพพลิเคชั่น และ ทิ้งผู้โดยสารไม่ยอมไปส่งต่อ จากนั้นตนเองก็รีบประสานไปยังศูนย์วิทยุสั่งการให้ช่วย ประสานตำรวจในการไล่ล่าสกัดจับ
ด้านนายโทนี่ อายุ 34 ปี ชาวเนเธอร์แลนด์ เล่าว่า ตนเองพร้อมกับครอบครัวเรียกรถรับจ้างผ่านแอพพลิเคชั่น มาจากคอนโดฯแห่งหนึ่ง ภายในซอยหนองกระบอก ( ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กม. ) เพื่อจะเดินทางไปท่องเที่ยวที่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง ระหว่างเดินทาง รถที่ตนเองว่าจ้าง ได้พุ่งชนรถจักรยานยนต์ บริเวณทางแยกข้ามทางรถไฟ จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นคนขับรถได้จอดรถแล้วลงไปพูดคุยกับฝ่ายคู่กรณี แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฝ่ายคนขับรถเก๋งเกิดอาการหัวเสีย ชักอาวุธมีดออกมาข่มขู่ กู้ภัยและคนเจ็บ แถมยังใช้ iPad ถ่ายรูปครอบครัวของตน แล้วไล่ลงจากรถทันที
ขณะเดียวกัน นายโทนี่ ชาวเนเธอร์แลนด์ เปิดแอพพลิเคชั่นที่เรียกใช้บริการ รถรับจ้างดังกล่าว ปรากฏว่า โชว์เฟอร์ ยังไม่ปิดระบบ และสามารถจับสัญญาณได้ว่า กำลังขับรถมุ่งหน้า ไปทางถนนพัทยาใต้ ตำรวจและกู้ภัย จึงพยายามออกไล่ล่าติดตาม จนสามารถไปควบคุมตัวได้ที่บริเวณ แยกไฟแดงพัทยาใต้ หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 5-6 กม.
ขณะที่ตำรวจและกู้ภัยฯสกัดจับ โดยจอดรถขวางไม่ให้รถเก๋งคันดังกล่าว ขับหนีไปได้ ปรากฏว่าชายคนดังกล่าว ลงจากรถแล้วชักอาวุธมีดพับออกมาขู่กู้ภัยฯ จงเกิดเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย จนตำรวจต้องตัดสินใจสวมใส่กุญแจมือ เพื่อสงบสติอารมณ์คนขับรถรายนี้
จากการตรวจสอบ คนขับรถเก๋งทราบชื่อต่อมา คือ ชาวตราด อายุ 36 ปี ซึ่งอยู่ในการพูดจาวกไปวนมาไปวน แต่งเครื่องแบบชุดพรางทหารเรือเต็มยศ แถมยังแอบอ้างว่าเป็นลูกน้องของ อดีตนายพลชื่อดัง "ท่าน พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร" ประกาศลั่นว่า "ถ้าเรื่องนี้ถึงนายกู พวกมึงตายกันหมดแน่" และปฏิเสธว่าไม่ได้ก่อเหตุตามที่ถูกกล่าวหา แต่เมื่อตำรวจตรวจค้นภายในรถเก๋ง พบว่ามีอาวุธมีดถึง 3 เล่ม ทั้งมีดอีโต้ มีดพก และ มีดดายหญ้า จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีการตรวจยึดรถเก๋ง โตโยต้า วีออส สีดำ ซึ่งไม่ติดแผ่นป้ายทั้งทะเบียนทั้งหน้าและหลัง ไว้ทำการตรวจสอบ
ระหว่างที่ตำรวจกำลังเชิญตัวคนขับไปสอบสวนต่อที่โรงพัก ผู้สื่อข่าวได้พยายามถามว่า ทำไมถึงใส่ชุดทหารมาขับรถรับจ้างผ่านแอพพลิเคชั่น เจ้าตัวตอบว่า "จริงๆแล้วแค่ต้องการขับรถเพื่อบริการประชาชน ส่วนตัวแล้วเป็นนักธุรกิจด้าน บิตคอยน์ โดยมีเงินเก็บหลายล้านบาท" นอกจากนี้เจ้าตัวยังโวยวายเจ้าหน้าที่ตำรวจห้ามเคลื่อนย้ายรถ เพราะมีข้อมูลสำคัญอยู่ภายในรถอีกด้วย
เบื้องต้นตำรวจเชิญตัวไปสอบปากคำ พร้อมตั้งข้อกล่าวหาเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อาวุธมีด จากการตรวจสอบปัสสาวะไม่พบสารเสพติดในร่างกาย จึงได้ทำการเปรียบเทียบปรับต่อหน้าพนักงานสอบสวน และเตรียมประสานไปยังต้นสังกัดแอพพลิเคชั่นรถรับจ้าง ให้มีบทลงโทษบลงกับคนขับรถรายนี้ต่อไป