ข่าว

DSI นำเครื่องมือพิเศษสำรวจคดี "แตงโม นิดา" ตกเรือ ในแม่น้ำเจ้าพระยา

DSI นำเครื่องมือพิเศษสำรวจคดี "แตงโม นิดา" ตกเรือ ในแม่น้ำเจ้าพระยา

17 ก.พ. 2568

ครั้งแรกคดีอาชญากรรม ใช้เครื่องมือพิเศษสำรวจบนน้ำ-ใต้น้ำ จุดที่คาดเกี่ยวข้อง "แตงโม นิดา" ตกเรือ ประกอบข้อมูลในคดี

17 ก.พ. 2568 พันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ พันตำรวจตรีณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนคดีการเสียชีวิตของ "แตงโม นิดา" นำคณะพนักงานสืบสวนจำนวน 25 คน ที่เชี่ยวชาญในด้านการสืบสวนสอบสวน ด้านนิติวิทยาศาตร์ ด้านแผนที่ภูมิศาสตร์และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ลงพื้นที่ตรวจสถานที่เกิดเหตุในแม่น้ำเจ้าพระยา

 

โดยคณะพนักงานสืบสวน นำเรือปฏิบัติการรวม 5 ลำ ลงสำรวจเริ่มต้นจาก อู่เรือบ้านเรือเล็ก อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี พร้อมนำอุปกรณ์โซนาร์จากกรมชลประทาน ไปสำรวจสภาพใต้น้ำ รวมถึงการใช้เครื่องสแกนเนอร์ เพื่อตรวจสอบสภาพทางกายภาพบนฝั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยาในจุดที่เกี่ยวข้องกับคดี เพื่อนำข้อมูลไปวิเคราะห์ร่วมกับรายงานการตรวจสภาพศพของแตงโมว่าสอดคล้องกันหรือไม่

 

พันตำรวจตรีณฐพล กล่าวว่า วันนี้ตรวจพื้นที่ตลอดลำน้ำเจ้าพระยาทั้งหมด ตามที่เรือลำเกิดเหตุวิ่งไปตลอดลำน้ำเจ้าพระยา โดยจะใช้กระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ทั้งหมด มีเครื่องมือพิเศษที่จะใช้ในการตรวจสอบ เพื่อนำผลที่ได้ประกอบกับการตรวจวิเคราะห์และรายงานการชันสูตรพลิกศพ และภาพคลิปวิดีโอต่างๆ ว่ามีความสอดคล้องหรือแตกต่างกันอย่างไร 

 

คณะตรวจที่เกิดเหตุจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ภาคเช้าและภาคบ่าย 

 

  • ภาคเช้าจะไปสำรวจทางทิศใต้ ซึ่งมีจุดสำคัญที่จากการสอบปากคำพยานมา มีข้อสงสัยมากที่สุด คือ บริเวณท่าทรายและวัดค้างคาว ต้องตรวจสอบว่าสอดคล้องกับที่พยานให้การมาหรือไม่ 

 

  • ภาคบ่าย จะเป็นการสำรวจขึ้นไปทางทิศเหนือ ไปจนถึงร้านอาหารบ้านตานิด ซึ่งมีจุดที่สงสัยประมาณ 4 จุด 

DSI นำเครื่องมือพิเศษสำรวจคดี \"แตงโม นิดา\" ตกเรือ ในแม่น้ำเจ้าพระยา

โดยหากผลการตรวจสอบวันนี้ พบว่ามีจุดใดที่น่าสงสัย หรือมีสิ่งบอกเหตุ จะให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ มาลงพื้นที่เก็บรายละเอียดอีกครั้ง 

 

นอกจากนี้ยังจะเก็บตัวอย่างน้ำในจุดที่สงสัยไปตรวจสอบด้วย เพื่อดูว่าตรงกันกับน้ำที่เข้าไปในปอดของแตงโมหรือไม่ โดยกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ จะสามารถพิสูจน์ชนิดของน้ำได้ ซึ่งจะสามารถบอกจุดตกเรือที่แท้จริงได้

 

นายไกรศรี สว่างศรี

ด้านนายไกรศรี สว่างศรี ผู้อำนวยการส่วนแผนที่และเทคโนโลยีสารสนเทศ กล่าวว่า อุปกรณ์ในวันนี้ จะใช้เครื่องมือสแกนจำลองพื้นที่เกิดเหตุทั้งหมด โดยใช้โดรนถ่ายภาพทางอากาศ , อุปกรณ์ถ่ายภาพใต้น้ำ เพื่อทำบันทึกเส้นทางที่เรือวิ่งทั้งหมด ออกมาเป็นแผนที่ทางอากาศแบบ 3 มิติ , ตัวเลเซอร์สแกน ซึ่งจะมีค่าพิกัดโลกทั้งหมด , มีเรือสำรวจใต้น้ำ ด้วยโซนาร์ของกรมชลประทาน ทำการเก็บภูมิประเทศใต้น้ำทั้งหมด จะเห็นความลึกตื้น เป็นหิน เป็นดินหรือเป็นทราย เครื่องมือจะสามารถเก็บข้อมูลได้ทั้งหมด และจะนำข้อมูลที่ได้ในวันนี้มารวมกันแสดงในรูปแบบของ 3 มิติ หรือ VR ก็จะทำให้เห็นเส้นทางเรือ จีพีเอสเรือ ตำแหน่งของสัญญาณโทรศัพท์ ตำแหน่งกล้องวงจรปิดในการบันทึกภาพทั้งหมด ซึ่งจะทำให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

 

โดยคณะพนักงานสืบสวนจะลงพื้นที่แยกกันเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 

กลุ่มสำรวจพื้นที่ใต้น้ำ

กลุ่มสแกนเก็บพื้นที่ ภูมิประเทศทั้งหมด 

กลุ่มใช้โดรนสแกนพื้นที่ทุกจุด 

 

 

เมื่อถามว่ามีความกังวลเรื่องระยะเวลาในวันเกิดเหตุและปัจจุบัน ว่าจะมีความแตกต่างกันหรือไม่นั้น นายไกรศรี กล่าวว่า เรากำลังจำลองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยข้อมูลวิทยาศาสตร์ เราสร้างพื้นที่เกิดเหตุขึ้นมา และพยานหลักฐานต่างๆ ที่พนักงานสืบสวนได้รวบรวมเอาไว้ จะนำมาไว้ในระบบ เพื่อวิเคราะห์ให้ชัดเจน ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตบางส่วน พนักงานสืบสวนได้ข้อมูลมาแล้วไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางโทรศัพท์ และกล้องวงจรปิดต่างๆ 

 

อย่างไรก็ตาม เครื่องมือที่นำมาใช้ในวันนี้ เป็นครั้งแรกที่ใช้ในคดีอาชญากรรม เพราะที่ผ่านมา เคยใช้แต่ในคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น การตรวจกรณีการทำเหมืองแร่เถื่อน หรือบุกรุกพื้นที่ป่าไม้

 

เครื่องโซน่า