วอดทั้งหลัง ชาวบ้านช่วยกันหิ้วยายพิการ หนีตายออกจากบ้านที่กำลังถูกไฟไหม้ | คมชัดลึก

1 มี.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีเหตุไฟกำลังลุกไหม้บ้านที่บ้านนาเจริญ ต.หนองหมี อ.ราศีไศล จ.ศรีสะเกษ เมื่อไปถึงพบไฟกำลังลุกไหมบ้าน 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นปูน ชั้นบนเป็นไม้ บ้านเลขที่ 35 หมู่ 12 ซึ่งไฟได้ไหม้จากชั้นบนลงมาชั้นล่าง มี นายอระชอน  (สงวนนามสกุล)  อายุ 59 ปี และ นางหนูเพียง (สงวนนามสกุล)  อายุ 67 ปี (เป็นหญิงพิการ) ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน นั่งร้องไห้อยู่ข้างบ้านที่กำลังถูกไฟไหม้ทั้งหลัง

 เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจาก อบต. หนองหมี และจาก อบต.ใกล้เคียง พร้อมทั้งชาวบ้าน ได้ช่วยกันตักน้ำ และฉีดน้ำดับไฟ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็สามารถควบคุมดพลิงไว้ได้ 

จากการสอบถาม นางหนูเพียง เล่าให้ฟังว่า บ้านหลังนี้ตนอยู่ด้วยกัน 3 คน คือ ตน สามี และลูกชายนอกจากนี้ตนยังพิการนิ้วกุดด้วย เดินลำบาก ตอนเกิดเหตุตนนั่งกินข้าวอยู่ที่หน้าบ้าน ตอนนั้นตนได้ยิงเสียงดัง ตุ้ม ตุ้ม 2 ครั้ง อยู่บนบ้าน และไฟก็เริ่มลุกไหม้ ตอนนั้นตนต้องกัดฟันพยายามเข้าไปในบ้าน เพื่อจะไปเอาทรัพย์สิน และโฉนดที่ดินที่อยู่บนบ้าน  แต่ก็หอบมาได้แค่กระเป๋าใส่เอกสารบางส่วน เท่านั้น 
 

เนื่องจากตนเดินลำบาก ก่อนที่เพื่อนบ้านจะเข้ามาช่วยหิ้วปีกตน ออกจากกองไฟ ส่วนทรัพย์สินที่ถูกไฟไหม้ก็จะมี ทั้งทีวี ดูเย็น เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัว และโฉนดที่ดินส่วนหนึ่ง ถูกไฟไหม้วอดเสียหายทั้งหมด 

ด้าน นางจันทร์ศรี (สงวนนามสกุล) อายุ 60 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านมีบ้านติดกัน เล่าให้ฟังว่า ก่อนเกินเหตุตนได้ยินเสียงดังที่ชั้น 2 ของบ้านหลังเกิดเหตุ ก่อนจะมีประกายไฟและเห็นไฟกำลังลุกไหม้จากชั้น 2 ตอนนั้น ตนก็ร้องกระโกนเรียกพี่น้อง เรียกชาวบ้านคนอื่นๆให้ เข้ามาช่วยดับไฟ และพาตัว นางหนูเพียง ออกมาจากบ้านที่กำลังถูกไฟไหม้

 ซึ่งตามปกติทุกวัน นางหนูเพียง จะชอบนอนอยู่ในบ้าน และจะไม่ค่อยมีใครเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับแก โชคดีที่ตนเห็นเหตุการณ์ก่อน จึงเข้าไปช่วย นางหนูเพียง ออกมาจากบ้านได้ทัน เพราะตอนนั้นที่บ้านไม่มีใครอยู่เลยมีเพียง นางหนูเพียง อยู่บ้านคนเดียว ตอนไฟไหม้นางหนูเพียรหวงของและพยามยามจะเข้าไปเอาของในบ้าน 
 

เบื้องต้นคาดว่า มิเตอร์ไฟฟ้าที่ชั้น 2 ของบ้าน น่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรแล้วระเบิดทำให้ เกิดประกายไฟจนทำให้ ไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว บวกกับชั้น 2 ของบ้านเป็นไม้จึงเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำไห้ไฟไหม้วอดทั้งหลัง โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ หรือ เสียชีวิต ส่วนทรัพย์สิน และความเสียหาย ต้องรอเจ้าหน้าที่เข้ามาประเมินอีกครั้ง และดำเนินการต่อไป