ข่าว

ทนายความ แฉ "ผกก.โจ้" ตัดพ้อถูกโกงค่าสู้คดีหลายล้าน

ทนายความ แฉ "ผกก.โจ้" ตัดพ้อถูกโกงค่าสู้คดีหลายล้าน

08 มี.ค. 2568

ทนายความ โพสต์แฉ "ผกก.โจ้" มักตัดพ้อถูกโกงค่าสู้คดีหลายล้าน และไม่ได้รับความเป็นธรรมถูกยึดทรัพย์ ขณะที่ 4 ฝ่ายเตรียมร่วมชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิต

8 มี.ค. 2568 แหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด เผยขั้นตอนกฎหมาย การเสียชีวิตของ (น.ช.) พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ ภายในเรือนจำกลางคลองเปรม ว่า สำหรับคดีการตายระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงาน ซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ เช่น ระหว่างอยู่ในเรือนจำ ระหว่างอยู่ในห้องขัง สน.ตำรวจ หรือ ระหว่างถูกกักตัว ถือว่ามีเหตุให้สงสัยว่า "พนักงานเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องหรือเป็นสาเหตุของการตายหรือไม่" จึงต้องมีกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นพิเศษ ซึ่งตาม ป.วิ อาญา มาตรา 148 กฎหมายกำหนดให้ต้องมีการชันสูตรร่วมกัน 4 ฝ่าย 


1.พนักงานสอบสวนท้องที่ที่ศพนั้น
2.แพทย์นิติเวชศาสตร์
3.พนักงานอัยการ
4.พนักงานฝ่ายปกครองตำแหน่งตั้งแต่ระดับปลัดอำเภอหรือเทียบเท่าขึ้นไปแห่งท้องที่ที่ศพ

ขณะที่ ตาม ป.วิ อาญา มาตรา 150 (5) พนักงานสอบสวนจะร่วมกับพนักงานอัยการทำสำนวนการชันสูตรพลิกศพขึ้นมา โดยสำนวนดังกล่าวจะแสดงเหตุและพฤติการณ์ที่ตาย ผู้ตายเป็นใคร ตายเมื่อใด และถ้าตายโดยถูกคนทำร้าย ให้กล่าวว่าใครเป็นผู้ทำร้ายหรือสงสัยว่าใครเป็นผู้ทำร้าย และเมื่อการทำสำนวนชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น พนักงานสอบสวนจะส่งสำนวนการชันสูตรพลิกศพให้แก่พนักงานอัยการ พนักงานอัยการจะทำคำร้องต่อศาลชั้นต้นให้ทำการไต่สวนและคำสั่งว่า "ผู้ตายคือใคร ตายที่ไหน เมื่อใด และถึงเหตุและพฤติการณ์ที่ตาย ถ้าตายโดยคนทำร้ายให้กล่าวว่าใครเป็นผู้กระทำร้ายเท่าที่จะทราบได้" ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับสำนวน ถ้าจำเป็นขยายระยะเวลาออกไปได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 30 วัน และแจ้งความจำเป็นทุกครั้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

 

ซึ่งเมื่อศาลมีคำสั่งเรื่องการชันสูตรพลิกศพจะถือเป็นหลักฐานแสดงถึงสาเหตุความตายของผู้ตาย โดยต่อมาศาลจะส่งคำสั่งให้พนักงานอัยการ เพื่อพนักงานอัยการจะส่งให้พนักงานสอบสวนนำไปรวมกับสำนวนคดีที่เจ้าหน้าที่ตกเป็นผู้ต้องหาหรือคดีวิสามัญฆาตกรรม เพื่อพิสูจน์ความผิดของเจ้าหน้าที่ในอีกคดีหนึ่ง

โดย ป.วิ อาญามาตรา 155/1 บัญญัติว่า "การสอบสวนในกรณีที่มีความตายเกิดขึ้นโดยการกระทำของเจ้าพนักงาน ซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ หรือตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ หรือในกรณีที่ผู้ตายถูกกล่าวหาว่าต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ ให้พนักงานสอบสวนแจ้งให้พนักงานอัยการเข้าร่วมกับพนักงานสอบสวนในการทำสำนวนสอบสวน" การทำสำนวนสอบสวนตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานสอบสวนเป็นผู้รับผิดชอบโดยพนักงานอัยการอาจให้คำแนะนำ ตรวจสอบพยานหลักฐาน ถามปากคำ หรือสั่งให้ถามปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ตั้งแต่เริ่มการทำสำนวนสอบสวน นับแต่โอกาสแรกเท่าที่จะพึงกระทำได้

 

ซึ่งเมื่อเป็นคดีวิสามัญฆาตกรรม เฉพาะอัยการสูงสุด หรือ ผู้รักษาราชการแทนเท่านั้น มีอำนาจออกคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 143 วรรคท้าย ในกรณีที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้อง พนักงานอัยการก็จะมีการยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ผู้ตกเป็นผู้ต้องหานั้นต่อศาลที่มีเขตอำนาจต่อไป

 

สำหรับคดีผู้กำกับโจ้ เคยมีการดำเนินคดีแจ้งความความกับอดีต บิ๊ก ปปง. เกี่ยวกับเรื่องคดีลักรถหรูมูลค่าหลายสิบล้านบาท

 

โดยนายชูชาติ กันภัย ทนายความของผู้กำกับโจ้ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Choochat Kanpai ซึ่งระบุข้อความว่า 

" #อาจมีเงื่อนงำ เพราะทุกครั้งที่ผมเข้าเยี่ยม ผกก.โจ้ ซึ่งผมเป็นทนายความในส่วนคดีแพ่ง ผกก.โจ้ มักตัดพ้อถึงการถูกโกงค่าดำเนินการต่อสู้คดีจากบุคคลคนหนึ่งเป็นจำนวนเงินหลายล้านบาท และการต่อสู้เกี่ยวกับทรัพย์สินนับร้อยล้านบาท รวมถึงรถยนต์และบ้านพร้อมที่ดินที่เขาอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม"

 

ทนายความ แฉ \"ผกก.โจ้\" ตัดพ้อถูกโกงค่าสู้คดีหลายล้าน