
รวบแล้ว! ลุงแท็กซี่สีชมพูปาหินใส่แท็กซี่ส้ม อ้างเครียดหนัก
รวบแล้ว! ลุงแท็กซี่สีชมพูปาหินใส่แท็กซี่ส้ม อ้างเครียดหนัก บอกหินที่ปาคือแร่ชนิดพิเศษ พบมีในรถกว่า 30 ก้อน
18 มี.ค. 2568 นายพรสวรรค์ (สงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี คนขับรถแท็กซี่ หน้าตาตื่นขับรถแท็กซี่ ยี่ห้อ โตโยต้า อัลติส สีส้ม หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร สภาพกระจกประตูหลังซ้าย มีรอยแตกเป็นรูโบ๋ เข้ามาจอดบริเวณหน้าโรงพัก สภ.เมืองสมุทรปราการ บอกว่าตนถูกแท็กซี่สีชมพู ไล่ยิง
เหตุเกิดบริเวณ ถนนสุขุมวิท ช่วงก่อนขึ้นทางด่วน ปากซอยวัดไตร ใกล้พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ต.บางเมือง จ.สมุทรปราการ เบื้องต้นทางผู้เสียหายให้การว่า กำลังขึ้นทางด่วนพระราม 2 ช่วงถนนสุขุมวิท ก่อนถึงช้างสามเศียร จากนั้นมีรถแท็กซี่สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทส 2387 กรุงเทพมหานคร ขับตามมาแล้วตะโกนเฮ้ย
จากนั้นยิงมาที่รถตนเลย จนกระจกรถแตก ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร ตนก็ไม่มีศัตรูที่ไหน และก็มั่นใจว่าไม่ได้ขับรถไปปาดหน้าใคร หลังเกิดเหตุ ต่อมาตรวจสอบ พบเพียงก้อนหิน 1 ก้อน ตกอยู่ที่ใต้เบาะนั่งด้านหน้าฝั่งผู้โดยสาร จึงเชื่อว่ากระจกไม่น่าจะเกิดจากรอยกระสุน ส่วนแท็กซี่คันดังกล่าวหลังก่อเหตุขับหนีขึ้นทางด่วนกาญจนาบางพลี-สุขสวัสดิ์ มุ่งหน้าพระราม 2
หลังเกิดเหตุ พ.ต.ท.ยอดรัก กิตติลัภนะรัตน์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองสมุทรปราการ สั่งเร่งสอบปากคำ ผู้เสียหาย พร้อมกับมอบหมายให้ฝ่ายสืบสวน ลงพื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุ เพื่อไล่ตรวจกล้องวงจรปิดตามเส้นทาง กระทั่งไปพบรถแท็กซี่สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทส 2387 กรุงเทพมหานคร วิ่งผ่านกล้อง อย่างรวดเร็ว จนได้เบาะแสว่า รถคันดังกล่าว ขับไปลงด่านสุขสวัสดิ์ ก่อนที่จะไปจอดทิ้งไว้ ภายในซอยหมองบาง ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
เจ้าหน้าที่เข้าไปคุมตัวเอาไว้ได้ ทราบชื่อนายสุทธิพงศ์ (สงวนนนามสกุล) อายุ 56 ปี ชาวจังหวัดสุพรรณบุรี ตรวจค้นในรถพบก้อนหิน ขนาดประมาณเท่าฝาเบียร์ เกือบ 30 ก้อน ซ่อนอยู่ช่องเก็บของบริเวณที่พักแขนจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน แต่ในรถไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด
ต่อมาระหว่าง เจ้าหน้าที่คุมตัวนายสุทธิพงศ์ ลงจากรถ เพื่อมาสอบสวนที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ ระหว่างนั้นนายสุทธิพงศ์ เมื่อเห็นผู้สื่อข่าวมาดักรอถึงกับหน้าเสีย ไม่ยอมลงจากรถ เจ้าหน้าที่จึงได้คุมตัวลงมา แต่ระหว่างคุมตัวนายสุทธิพงศ์ ไปที่ห้องสืบสวนนายสุทธิพงศ์ พยามเดินหนีปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ ก่อนที่จะใช้มือปัดกล้องของกล้องของผู้สื่อข่าวอีกด้วย
สอบปากคำยังให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ก่อเหตุใช้หินปาใส่รถใคร และบอกว่ารู้ได้ยังไงว่าเป็นตนเองทำ กระทั่งผู้เสียหายนำรูปที่ถ่ายได้ขณะที่ นายสุทธิพงศ์ หลบหนี มาให้ดู จนนายสิทธิพงศ์ จำนนต่อหลักฐาน จึงยอมยกมือกล่าวขอโทษนายพรสวรรค์ ผู้เสียหาย และยอมรับว่าตนเป็นคนก่อเหตุ นายสุทธิพงศ์ กล่าวเพียงว่า ก่อนหน้านี้ ตนเองมาประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับรถตู้นำเที่ยว ที่ จ.สุพรรณบุรี จากนั้นธุรกิจเจ้งหมดตัว หันมาประกอบอาชีพขับแท็กซี่ได้ 3 ปี ระหว่างนี้เกิดเครียด จึงก่อเหตุปาหินใส่รถแท็กซี่ ส่วนก้อนหินในรถ นายสุทธิพงศ์ บอกว่าจริงๆ แล้วเป็นแร่ชนิดหายาก ต้องพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น เบื้องต้นแจ้งข้อหาทำให้เสียทรัพย์ ส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป