ดีเอสไอ เช็กวงจรปิดเลือก สว. จ่อเอาผิดล็อตแรก 30 คน ขบวนการฮั้วสว. | คมชัดลึก

2 มี.ค. 2568 มีรายงานว่า กรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ รับคดีฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษ ฐานสมคบฟอกเงิน นั้น ในวันนี้  ดีเอสไอ กับ คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ตกลงกันที่จะตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งหมดในกระบวนการเลือก สว.รอบสุดท้าย ระดับประเทศ และมีการส่งสัญญาณจากฝั่งดีเอสไอว่า น่าจะมี สว.ล็อตแรก ถูก กกต.สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ประมาณ 30 คน 

แหล่งข่าวระดับสูงจากดีเอสไอ เปิดเผยว่า วันนี้ดีเอสไอจะส่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ นำทีมโดย คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ที่ กกต. แต่งตั้งให้มีอำนาจตรวจสอบกระบวนการเลือก สว. เดินทางไปที่สำนักงาน กกต. เพื่อดึงข้อมูลภาพที่บันทึกจากกล้องวงจรปิดทั้งหมด ตลอดทั้งกระบวนการเลือก สว.ระดับประเทศ เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว มาเป็นพยานหลักฐานในการสอบสวนการกระทำความผิดฐาน "ฟอกเงิน" ซึ่งอาจโยงถึงขบวนการ "อั้งยี่" ที่วางแผนฮั้วการเลือก สว.ให้กลุ่มคนของพวกตนได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา 

เมื่อได้ภาพจากกล้องวงจรปิดมาแล้ว จะนำมาเชื่อมกับข้อมูลเอกสารการลงคะแนนเลือก สว. 2 รอบในวันเลือกระดับประเทศ เพื่อยืนยันพฤติกรรมของบุคคลที่เกี่ยวข้องแต่ละคนว่า ใครมีการกระทำเข้าข่ายผิดกฎหมายบ้าง ถือเป็นการใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ยืนยันการกระทำของขบวนการฮั้วเลือก สว. 

ปัจจุบันดีเอสไอจัดทำข้อมูลแบ่งกลุ่มผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้วมีทั้งพยานและผู้ร่วมกระทำความผิด โดยแบ่งเป็นสีต่างๆกระจายไปทุกจังหวัด เพื่อให้ง่ายต่อการเรียกสอบปากคำและนำภาพจากกล้องวงจรปิด รวมถึงเอกสารการเลือกและโพยที่ยึดได้มาจับคู่กัน เพื่อยืนยันพฤติการณ์ของแต่ละคน 

• ขบวนการนี้มีเครือข่ายทั้งหมด 20,103 คน
• ได้รับเลือกเป็นตัวแทนระดับอำเภอ 6,402 คน 
• ขึ้นเป็นตัวแทนระดับจังหวัด 959 คน
• ได้โหวตรอบสุดท้าย 433 คน
• ได้เป็น สว.ตัวจริง กับ สว.สำรอง 140 คน 

จากพีระมิดและข้อมูลของดีเอสไอจะเห็นว่า มีการแบ่งสีเอาไว้ชัดเจน เมื่อนำไปเทียบกับรายชื่อที่เป็นเอกสารผู้สมัครรับเลือก สว.ทั้งหมด ทุกกลุ่มทั่วประเทศ ทางดีเอสไอจะดึงรายชื่อผู้สมัครและผู้เข้ารอบทุกรอบ ทุกกลุ่มอาชีพ จากทุกอำเภอ ทุกจังหวัด มาตรวจสอบเปรียบเทียบและแต้มสีตามกลุ่มเอาไว้ว่า ใครอยู่กลุ่มไหน หลังจากนี้จะเรียกมาสอบสวนทีละกลุ่ม 

ขั้นตอนการทำงานของ ดีเอสไอ 
- ประสานให้ผู้การตำรวจภูธจังหวัด สั่งการให้ผู้กำกับ (หัวหน้าโรงพัก) ในแต่ละอำเภอที่รับผิดชอบ เรียกสอบบุคคลเป้าหมาย โดยเปิดโอกาสให้เป็นพยานเพื่อให้ข้อเท็จจริง พร้อมเรียกดูรายการรับจ่ายบัญชีธนาคารทุกบัญชีระหว่างวันที่ 15 พค. - 30 มิย. 2567
- ไล่สอบ เริ่มจากชั้นฐาน ต่อด้วยชั้นล่าง ชั้นกลาง และระดับบนสุด ตามพีระมิด 
- เงื่อนไขของการ “กันเป็นพยาน” คือ บุคคลที่ให้การเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนหาเส้นเงิน และให้หลักฐานมัดตัวผู้กระทำความผิดทั้งในระดับเดียวกันและสูงกว่า และ ที่สำคัญต้องให้ข้อมูลขั้นตอน ขบวนการชักชวน ว่าจ้างให้กระทำผิด , การให้โพยฮั้ว , การนัดประชุม วางแผน การจ่ายเงิน และชื่อผู้กระทำผิดในกลุ่ม

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ตั้งแต่มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนระหว่าง ดีเอสไอ กับ กกต. ทำให้ กกต. เห็นพยานหลักฐานของดีเอสไอว่ามีความชัดเจนเกี่ยวกับขบวนการฮั้วเลือก สว. และ ล่าสุดมีการส่งสัญญาณจาก ดีเอสไอ ไปยัง กกต.ว่า น่าจะมีหลักฐานชัดเจนส่งให้ กกต. ​เพื่อนำไปวินิจฉัยและชี้มูลความผิดเบื้องต้น เพื่อส่งศาลฎีกาสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ สว.ล็อตแรก ประมาณ 30 คน ภายในเดือน เม.ย. หรือ พ.ค.ที่จะถึงนี้ด้วย