ข่าว

หลวงตาสายเขียว! ตบศิษย์สนั่นวัด พี้กัญชาลั่นช่วยเข้าถึงกรรมฐาน

หลวงตาสายเขียว! ตบศิษย์สนั่นวัด พี้กัญชาลั่นช่วยเข้าถึงกรรมฐาน

06 เม.ย. 2568

หลวงตาสายเขียว! ตบศิษย์-พระลูกวัดสนั่นวัด ช็อกหนักค้นห้องเจอกัญชาลั่นช่วยเข้าถึงกรรมฐาน วีรกรรมฉาวฉันข้าวกลางดึง ลั่นหิวตอนไหนก็กิน

5 เมษายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีมหาโพธิได้รับแจ้งว่าพบพระสงฆ์ถูกทิ้งไว้ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งริมถนนสาย 304 มุ่งหน้าบ้านครองรั้ง เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบและให้การช่วยเหลือ โดยได้นำพระสงฆ์รูปดังกล่าวมาพักที่ป้อมตำรวจจุดประสพโชค และประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ 20 ให้นำไปส่งที่วัด

หลวงตาสายเขียว! ตบศิษย์สนั่นวัด พี้กัญชาลั่นช่วยเข้าถึงกรรมฐาน

จากการสอบถามเบื้องต้น พระสงฆ์รูปดังกล่าวชื่อหลวงตาตุ้ม อายุ 63 ปี ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่าบวชมาแล้ว 23 พรรษา ก่อนหน้านี้ได้เดินทางมาด้วยรถกระบะพร้อมกับลูกศิษย์ชื่อเจี๊ยบ และพระสงฆ์อีก 1 รูป ชื่อหลวงตาแม้น โดยทั้งหมดเดินทางมาจากจังหวัดสระแก้ว เมื่อมาถึงปั๊มน้ำมันที่เกิดเหตุ หลวงตาตุ้มได้บอกให้นายเจี๊ยบซึ่งเป็นคนขับรถ จอดรถเพื่อซื้อสเปรย์มาฉีดพ่นบริเวณกันชนด้านหน้าฝั่งซ้ายของรถที่เกิดอุบัติเหตุ

 

จากนั้นหลวงตาตุ้มอ้างว่าตนถูกทิ้งไว้ โดยตนได้ว่าจ้างนายเจี๊ยบให้ขับรถให้วันละ 300 บาท สาเหตุที่ถูกทิ้งนั้นไม่ใช่เรื่องบาดหมาง แต่เป็นเพราะนายเจี๊ยบมักจะชอบโต้เถียงเรื่องเส้นทาง ทำให้ตนรู้สึกโมโหและพูดออกไปว่าจะตบให้เลือดกลบปาก จากการตรวจสอบพบว่าพระสงฆ์รูปดังกล่าวมีสเปรย์อยู่ในถุงพลาสติก และยังมีถุงก๋วยเตี๋ยวบรรจุเส้นหมี่เหลืองพร้อมน้ำซุปและเครื่องปรุงอยู่ในถุงหิ้ว โดยพระสงฆ์รูปดังกล่าวมีอาการฉุนเฉียวและหัวร้อน

ต่อมาเมื่อเวลา 20:30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจรถยนต์ของ สภ.ศรีมหาโพธิได้ตรวจสอบจนแน่ชัดว่า หลวงตาตุ้มจำวัดอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ตำบลหนองโพรง อำเภอศรีมหาโพธิ จึงได้นำรถสายตรวจไปส่งหลวงตาตุ้มที่วัดดังกล่าว หลังจากหลวงตาตุ้มไปถึงวัด ก็ได้เดินตรงไปยังนายเจี๊ยบและหลวงตาแม้นที่นั่งอยู่บริเวณม้าหินอ่อนภายในวัด

หลวงตาสายเขียว! ตบศิษย์สนั่นวัด พี้กัญชาลั่นช่วยเข้าถึงกรรมฐาน

ก่อนจะเดินเข้าไปตบหน้านายเจี๊ยบเสียงดังลั่นวัด จากนั้นนายเจี๊ยบลุกขึ้นกอดปล้ำกับหลวงตาตุ้ม ชาวบ้านได้เข้ามาห้ามและแยกทั้งสองออกจากกัน หลวงตาตุ้มยังได้ก้มหยิบขวดน้ำที่ตกอยู่บนพื้นขว้างใส่นายเจี๊ยบ ก่อนจะเดินเข้าไปตบศีรษะด้านหลังของหลวงตาแม้นที่ยืนอยู่ใกล้กัน ชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์และรักษาการเจ้าอาวาสได้เข้ามาห้ามปราม ก่อนที่หลวงตาตุ้มจะเดินกลับขึ้นกุฏิ

เวลา 21:50 น. รักษาการเจ้าอาวาสได้โทรศัพท์ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยคณะสงฆ์ในพื้นที่ ให้ลงมาตรวจสอบเพิ่มเติม ภายหลังจากที่ชาวบ้านไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจากการตรวจสอบของคณะสงฆ์และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บริเวณภายในห้องโดยสารของรถกระบะโตโยต้าที่หลวงตาตุ้มอ้างว่าเป็นรถของตนนั้น

หลวงตาสายเขียว! ตบศิษย์สนั่นวัด พี้กัญชาลั่นช่วยเข้าถึงกรรมฐาน

เบื้องต้นพบกัญชาที่ห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกจำนวน 2 ห่อ และหลวงตาตุ้มยอมรับว่าตนเสพกัญชาทุกวัน เพราะเชื่อว่าการเสพกัญชาทำให้ตนอารมณ์ดี เข้าถึงกรรมฐาน จิตใจสงบ และเข้าถึงพระธรรม ซึ่งกัญชาที่ตนเสพนั้นมีเด็กนำมาส่ง โดยสั่งครั้งละ 2 ห่อ ราคาห่อละ 100 บาท และไม่ได้เสพด้วยบ้อง เพราะไม่สะดวกในการพกพา

 

จากการเข้าตรวจสอบภายในกุฏิของหลวงตาตุ้ม พบว่ายังมีกล่องข้าวและห่ออาหารวางอยู่กลางห้อง และยังพบหม้อหุงข้าวที่เสียบปลั๊กไว้ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบถุงกัญชาเพิ่มเติมอีก 1 ห่อภายในกุฏิ โดยหลวงตาตุ้มยอมรับว่าตนต้องฉันอาหารตลอดเวลาที่หิว เพราะหากไม่ฉันอาหารแล้วทานยา จะทำให้ปวดกระเพาะอย่างรุนแรง

 

ต่อมาหลวงตาตุ้มได้ลงจากกุฏิ พร้อมทั้งนำสเปรย์ที่ซื้อมาก่อนหน้า มาฉีดพ่นบริเวณกันชนด้านหน้ารถฝั่งซ้าย แต่จากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวพบว่า สเปรย์ดังกล่าวไม่ใช่สเปรย์สีตามที่หลวงตาตุ้มต้องการซื้อ เพราะเมื่อฉีดออกมาเป็นเพียงละอองน้ำ หลังจากนั้นหลวงตาตุ้มได้เดินทางไปขอโทษนายเจี๊ยบและหลวงตาแม้นที่นั่งอยู่บริเวณโต๊ะไม้หินอ่อนจุดเกิดเหตุ

 

เวลา 22:30 น. คณะสงฆ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และชาวบ้านในพื้นที่ ต่างมีความเห็นตรงกันว่าต้องการให้หลวงตาตุ้มลาสิกขาบท แต่หลวงตาตุ้มกลับอ้างข้อวินัยสงฆ์ในเรื่องของปาจิตตีย์ พร้อมทั้งยืนกรานว่าจะไม่ยอมลาสิกขา โดยอ้างว่าตนไม่ได้กระทำผิด และยังด่าทอชาวบ้านในพื้นที่ ต่อมาหลวงตาตุ้มจึงยอมจำนนต่อหลักฐานและไม่สามารถคัดค้านเสียงของชาวบ้านได้ จึงยอมลาสิกขาออกจากการเป็นพระสงฆ์

 

จากการสอบถามนายเจี๊ยบ (คนขับรถ) เล่าว่า ตนขับรถพาหลวงตามาจากวัดท่าเรือ วัดบ้านลาน และวัดโคกกระต่าย โดยได้รับการว่าจ้าง แต่ไม่เคยได้รับค่าจ้างเลย เมื่อถึงที่หมายหลวงตาจะสั่งให้เลี้ยวไปทางนั้นทางนี้ และยังเสพกัญชาในรถซึ่งมีหลักฐานอยู่ในรถ สาเหตุที่ทะเลาะกันเกิดจากหลวงตาให้ตนจอดรถเพื่อลงไปซื้อสีสเปรย์ และให้ตนรอเป็นเวลานานถึง 2 ชั่วโมง ตนจึงพากันกลับมาวัด และบอกหลวงตาแม้นว่ารถของหลวงตาจอดอยู่ที่นี่ ตนไม่เกี่ยวข้อง และบอกหลวงตาแม้นว่าถ้าไม่ใช่พระ ตนคงไม่ยอมแล้ว นี่เป็นรถของท่านไม่ใช่รถของตน ตนขับรถให้หลวงตาได้ไม่นาน

 

ล่าสุดที่ออกไปหาซื้อสีสเปรย์เพื่อจะไปพ่นบังโคลนเล็กน้อย แต่ร้านขายสีที่ไหนจะเปิดในเวลา 18:00 น. แล้วยังต้องมารอหลวงตาให้ตนรอถึง 2 ชั่วโมง หลังจากที่นายตุ้มได้เปลี่ยนไปสวมชุดฆราวาส ก็ยังมีอาการเกรี้ยวกราดไม่ยอมออกจากวัด จนเจ้าหน้าที่และชาวบ้านต้องช่วยกันนำตัวขึ้นรถตำรวจ เพื่อไปสงบสติอารมณ์ที่ สภ.ศรีมหาโพธิ"