
อาถรรพ์เจ้าที่? ไฟไหม้ทุ่งนาคลอกดับป้าวัย 59 ชาวบ้านผวา
อาถรรพ์เจ้าที่? ไฟไหม้ทุ่งนาคลอกดับป้าวัย 59 ชาวบ้านผวาเชื่ออาถรรพ์เจ้าที่ ด้้านสามีผู้เสียชีวิตลั่นคนละเรื่องกัน
13 เม.ย.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานเหตุการณ์สุดสลดที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 12 เมษายน 2568 เมื่อเกิดเหตุไฟไหม้ทุ่งนาท้ายหมู่บ้านกุดค้า ตำบลกุดค้า อำเภอทุ่งฝน จังหวัดอุดรธานี ส่งผลให้นางสายยนต์ (สงวนนามสกุล) หรือ "ป้าจ่อย" วัย 59 ปี เสียชีวิตจากถูกไฟคลอก ขณะพยายามดับไฟที่กำลังลุกลามทุ่งนา โดยไม่ทราบสาเหตุการเกิดไฟและผู้ก่อเหตุ ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของสามีและญาติ ๆ
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านหลังหนึ่งในหมู่ 10 บ้านกุดค้า ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานศพ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ชาวบ้านและญาติ ๆ ต่างทยอยกันมาจุดธูปเคารพศพตลอดทั้งวัน
ต่อมา ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุบริเวณหนองบ่อมน ซึ่งเป็นทุ่งนาท้ายหมู่บ้าน นางบัวน้อย (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี ชาวนาที่อยู่ใกล้เคียง ได้นำผู้สื่อข่าวไปยังจุดเกิดเหตุ พบร่องรอยไฟไหม้เป็นบริเวณกว้างประมาณ 1 ไร่ พร้อมทั้งเสื้อผ้า หมวกที่มีเส้นผมถูกไฟไหม้ติดอยู่ และรองเท้าบู๊ตของผู้เสียชีวิตตกอยู่ในที่เกิดเหตุ
นางบัวน้อยเล่าว่า ในช่วงเที่ยงของวันเกิดเหตุ ขณะที่เธอกำลังนำหญ้าไปให้วัว ได้ยินเสียงร้องตกใจจากทุ่งนาของนายลือชัย สามีของผู้เสียชีวิต เมื่อวิ่งไปดูก็พบว่าสามีและหลาน ๆ ของป้าจ่อยกำลังช่วยกันนำร่างของป้าจ่อยที่ถูกไฟไหม้ทั้งตัวขึ้นรถ เพื่อนำส่งโรงพยาบาลทุ่งฝน แต่ก็ไม่ทันการณ์ ป้าจ่อยเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นางบัวน้อยสันนิษฐานว่า ไฟไหม้ทุ่งนาโดยไม่ทราบสาเหตุ และป้าจ่อยได้พยายามดับไฟเพื่อป้องกันไม่ให้ลุกลามไปยังสวนยางพาราข้างเคียง แต่เนื่องจากลมแรง ทำให้ไฟโหมกระหน่ำและคลอกป้าจ่อยจนหมดสติและเสียชีวิต นอกจากนี้ นางบัวน้อยยังกล่าวถึงความเชื่อส่วนตัวว่า เหตุการณ์นี้อาจเกี่ยวข้องกับอาถรรพ์เจ้าที่ เนื่องจากสามีของผู้เสียชีวิตได้ตัดต้นเรียงขนาดใหญ่ในทุ่งนา โดยไม่ได้บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง ซึ่งต้นเรียงที่ถูกตัดนั้นมีลักษณะคล้ายคนนอนคว่ำหน้า ทำให้เธอขนลุกเมื่อนึกถึง
นางบัวน้อยยังเล่าถึงเหตุการณ์ลี้ลับที่เคยเกิดขึ้นในบริเวณนั้นว่า เมื่อช่วงเกี่ยวข้าวเดือนธันวาคมที่ผ่านมา คนงานที่มาเกี่ยวข้าวได้พบเห็นร่างดำใหญ่สูงจนตกใจวิ่งหนี และรถเกี่ยวข้าวก็พังเสียหาย จนต้องทิ้งไว้ เธอเชื่อว่าบริเวณนี้มีอาถรรพ์เจ้าที่แรงมาก
ด้านนายลือชัย (สงวนนามสกุล) สามีของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ในวันเกิดเหตุ ภรรยาของเขาได้ต้มข้าวโพดตั้งแต่ตี 1 เพื่อนำไปขายในช่วงเช้า ส่วนเขาออกไปไถนา เมื่อกลับมาบ้านในช่วงสาย ภรรยาได้โทรศัพท์มาขอให้ไปช่วยดับไฟที่ทุ่งนา เมื่อไปถึง เขาและญาติ ๆ ได้ช่วยกันดับไฟ แต่ไม่นานก็พบว่าภรรยาของเขานอนฟุบอยู่ ท่ามกลางความตกใจ เขาและหลาน ๆ ได้รีบนำร่างของภรรยาขึ้นรถ แต่ก็เสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาล
นายลือชัยกล่าวด้วยความเศร้าโศกว่า เขาและภรรยาอยู่กินกันมา 32 ปี รักและผูกพันกันมาก ส่วนเรื่องที่ชาวบ้านเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับอาถรรพ์เจ้าที่นั้น เขาไม่เชื่อ และมองว่าเป็นเพียงเหตุไฟไหม้ทุ่งนาเท่านั้น เขายังกล่าวถึงมาตรการห้ามเผาตอซังข้าวของจังหวัดอุดรธานี และขอให้ชาวบ้านอย่าลักลอบเผา เพราะอาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนและอันตรายได้