
ตึกสตง.ถล่ม พบเพิ่ม 2 ร่างช่วงบันไดโซน C เร่งค้นหาผู้สูญหาย 43 ราย
สายวันนี้เจ้าหน้าที่พบเพิ่ม 2 ร่าง ช่วงบันไดโซน C จุดเดียวกับเมื่อวาน กำลังเร่งค้นหาผู้สูญหาย 43 ราย ล่าสุดพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ 49 ราย ส่งคืน 37 ครอบครัวแล้ว
22 เม.ย. 2568 นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร (สปภ.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ แถลงข่าวความคืบหน้าเหตุการณ์อาคาร สตง. ถล่ม เขตจตุจักร
โดย กรุงเทพมหานคร อัพเดตตัวเลข ข้อมูล ณ เวลา 18.00 น. ของวันที่ 21 เม.ย. ผู้เสียชีวิต 51 ราย บาดเจ็บ 9 ราย ผู้สูญหาย 43 ราย
นายสุริยชัย เปิดเผยว่า การปฏิบัติการรื้อซากอาคารถล่ม ช่วงเช้าวัดความสูงของซากอาคารในโซน A และโซน D อยู่ที่ 9.78 เมตร ส่วนโซน B และโซน C หากวัดตัวยอดที่สูงสุด 8.58 เมตร โดยพื้นที่ส่วนใหญ่จะต่ำกว่านั้น 1 เมตรจึงเหลือประมาณ 7 เมตรกว่าๆ ทั้งนี้ ซากอาคารที่ลดลง และด้านข้างที่บางลง และเหลือระยะเวลาอีก 8 วัน คาดว่าสิ้นเดือนนี้จะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ว่าจะถึงบริเวณชั้น1ของอาคารได้
ส่วนการพบร่างผู้สูญหายเมื่อวานนี้ พบที่โซน C จำนวน 2 ร่าง บริเวณช่องบันได และชิ้นส่วน 3 ชิ้น และวันนี้ช่วงสายที่ผ่านมา พบอีก 2 เคสช่วงช่องบันไดเช่นกัน ซึ่งใกล้กับจุดที่พบร่างผู้เสียชีวิตเมื่อวานนี้
ส่วนรถบรรทุกเมื่อวานนี้ขนเศษเหล็ก เศษปูน ออกได้ 221 เที่ยว สอดคล้องรับกับเนื้องานที่มีการแยกชิ้นส่วนของปูน และเหล็ก ทำให้ไซต์งานมีพื้นที่เพียงพอในการทำงาน เนื่องจากมีการเพิ่มเครื่องจักรหนักเข้ามา โดยพบปัญหาคนขับรถแบ็คโฮบางเครื่องทำงานได้ถึงประมาณ 19.00 น. จะต้องพัก จึงมีการปรับว่ารถแบคโฮที่เข้ามาร่วมทำงานทั้งหมดรวมถึงเครื่องจักรหนักทั้งหมด 28 ตัว จะใช้การหมุนเวียนสับเปลี่ยนเพื่อให้มีการทำงานอย่างต่อเนื่อง
สำหรับเรื่องอุณหภูมิความร้อนและฝนตก พบว่า ไม่เป็นอุปสรรค เนื่องจากรถเครื่องจักรหนักนั้นผู้ทำงานควบคุมจะอยู่ในห้องปรับอากาศในเวลาปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้ว ประกอบกับมีการฉีดน้ำเพื่อควบคุมฝุ่น จึงทำให้อุณหภูมิโดยรอบซากอาคารลดลงด้วย
ด้าน พล.ต.ต.วาที กล่าวถึงการพิสูจน์หลักฐานอัตลักษณ์ผู้สูญหายว่า เมื่อวานนี้ได้มีการพูดคุยกับทาง ปภ. ถึงศพที่ยังค้างอยู่ เพราะดูจากตัวเลขจะเห็นว่า ศพอยู่มีประมาณ 51 ศพ จำนวนนี้สามารถยืนยันตัวบุคคลได้แล้ว 49 ศพ สามารถยืนยันได้ 99% ว่าเป็นผู้เสียชีวิตและสามารถยืนยันชื่อได้ทุกคน ส่วนอีก 2 ศพ ยังไม่สามารถยืนยันเอกลักษณ์บุคคลได้ ซึ่งร่างที่ยืนยันเอกลักษณ์บุคคลได้แล้วและมีอวัยวะครบนั้น เจ้าหน้าที่ได้ส่งคืนญาติไปแล้ว 37 ศพ ส่วนที่อวัยวะยังไม่ครบ แต่พบว่าเสียชีวิตแน่ๆ เช่น พบ ช่องอก แนวสันหลัง ร่างกาย แต่หากขาดมือหรือเท้า ก็จะพิจารณาปล่อยศพไป โดยในวันนี้กองอำนวยการร่วมมีมติจะส่งร่างคืนให้กับญาติอีก 5 ศพ นั่นหมายความว่า จะส่งร่างคืนให้กับญาติรวมทั้งหมด 42 ศพ
ส่วนการเข้าไปเก็บหลักฐานเพิ่มเติมในบริเวณซากอาคาร จะเข้าไปเก็บตามรอบเวลาที่ทาง ปภ. กำหนด ซึ่งมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามที่นายกรัฐมนตรีตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนเพื่อเก็บพยานหลักฐานและหาข้อเท็จจริง อาทิ กระทรวงอุตสาหกรรม กรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่งขณะนี้ยังได้หลักฐานไม่ครบ จึงอยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อให้ทราบสาเหตุของอาคารถล่ม