ข่าว

ครอบครัว จ.ส.ต.ประวัติ เผยไม่อยากได้ปูนบำเหน็จ อยากได้ลูกชายคืน

ครอบครัว จ.ส.ต.ประวัติ เผยไม่อยากได้ปูนบำเหน็จ อยากได้ลูกชายคืน

26 เม.ย. 2568

พ่อและแม่ แทบขาดใจทราบข่าว จ.ส.ต.ประวัติ เครื่องบินตก ลั่นไม่อยากได้ปูนบำเหน็จ อยากได้ลูกชายคืน สุดเศร้า น้องชายผู้พิการ หอบชุดตร. พี่ชายโชว์สื่อ

นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ จากเหตุการณ์เครื่องบินกองบินตำรวจตก ขณะปฏิบัติภารกิจทดสอบการบิน ฝึกกระโดดร่ม ในพื้นที่ทะเล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นเหตุให้นักบิน วิศวกร ช่างเครื่อง เสียชีวิต 6 นาย 


ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังภูมิลำเนาของ จ.ส.ต.ประวัติ พลหงษ์สา ช่างเครื่อง หนึ่งในผู้เสียชีวิต ที่ หมู่ 1 บ้านโคกล่าม ต.จุตรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด พบกับทางพ่อและแม่อยู่ ซึ่งมีความยากจนและไม่สะดวกที่จะเดินทางมารับศพ โดยแจ้งว่าขอจัดสถานที่รอรับศพอยู่ที่บ้านแทน มีญาติๆ และเพื่อบ้านที่ทราบข่าว มาพร้อมกับให้กำลังใจ โดยมีเพียงรูปของ จ.ส.ต.ประวัติ แต่งกายชุดตำรวจ เพียงรูปเดียวติดอยู่ในบ้าน 

 

นายประดับ พลหงสา อายุ 26 ปี น้องชายของ จ.ส.ต.ประวัติ ที่มีอาการพิการจากอุบัติเหตุจากรถ จยย. สมัยเคยไปอาศัยอยู่กับพี่ชาย จนกลายเป็นคนพิการ จากสมองกระทบกระเทือน จึงกลับมาอยู่บ้าน ได้หอบเอาชุดตำรวจนักบินของพี่ชาย ที่เก็บไว้ มาให้ผู้สื่อข่าวดู ด้วยความเสียใจที่รู้ข่าวพี่ชายเสียชีวิต 

ครอบครัว จ.ส.ต.ประวัติ เผยไม่อยากได้ปูนบำเหน็จ อยากได้ลูกชายคืน

 

นางทัศน์ พลหงสา แม่ของ จ.ส.ต.ประวัติ อายุ 67 ปี บอกว่า ตนเองทราบข่าว ทีแรกจากชาวบ้านเรื่องเครื่องบินตก และเอ่ยถึงชื่อของลูกชาย ก็ตกใจ แต่ก็ยังไม่มั่นใจ แม้จะมีรายชื่อของลูกชายว่าเป็นเสียชีวิตแล้ว จนกระทั่ง รองผู้การฯ ผู้บังคับบัญชา โทรมายืนยันว่า ลูกชายเสียชีวิตแล้ว ซึ่งรู้สึกตกใจมากที่ลูกชายที่ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อย พบกันครั้งสุดท้ายก่อนหน้านั้น ก็เป็นเดือนเมษายน ที่ลูกชายกลับมาบวช จากนั้นก็ไมได้เจอกัน นอกจากติดต่อพูดคุยกันทางโทรศัพท์เสียเป็นส่วนใหญ่ โดย 2 วันก่อน ได้โทรคุยกันอยู่ ลูกชายบอกว่าไปกระโดดร่มที่หัวหิน ซึ่งตนก็คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาของลูกชาย ที่เป็นตำรวจช่างเครื่องที่ขึ้นเครื่องเป็นประจำ ไม่คิดว่าการคุยกันเมื่อ 2 วันก่อน จะเป็นการคุยกันครั้งสุดท้าย 

 

การสูญเสียลูกชาย แม้จะรู้สึกเสียใจ แต่ส่วนหนึ่ง ก็ภาคภูมิใจในอาชีพตำรวจของลูกชาย ซึ่งตนมีลูกชาย 2 คน และผู้ตายเป็นลูกชายคนโต หลังทราบข่าว รับไม่ได้ เข่าอ่อน ไม่มีแรง ตั้งสติไม่ได้ สงสารลูก และหลังจากทราบเรื่อง ผู้บังคับบัญชาก็ประสานมาว่าจะลงไปรับศพหรือไม่ ก็ปฎิเสธไป เพราะไม่มีกำลังใจที่จะเดินทางลงไปรับศพ 

นางทัศน์ ระบุว่า ตนเองก็มีโรคประจำตัวและลูกชายอีกคนก็พิการ หากให้พ่อลงไปรับศพ ก็จะไม่มีคนดูแลตนเองและลูกชาย ทุกขั้นตอนขอให้หน่วยเหนือของลูก เป็นผู้ดำเนินการไปตามขั้นตอนของทางราชการ ซึ่งก็ได้รับแจ้งว่า จะส่งศพลูกชายมาถึงบ้านวันอาทิตย์ จึงขอเตรียมความพร้อมรับศพลูกอยู่ที่บ้าน โดยไม่เดินทางไป กทม. เหตุที่เกิดขึ้นตนและพ่อและน้องเสียใจมาก แม้ทางผู้บังคับบัญชา เล่าถึงว่า จะมีการเตรียมที่จะปูนบำเหน็จให้กับลูกชาย ซึ่งตนไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น หากเลือกได้ ขอเลือกเอาชีวิตของลูกชายคืนมามากกว่า เพราะเขาคือคนเดียวที่เป็นเสาหลัก และเป็นที่พึ่งของทุกคนในครอบครัว 


นายปานทอง พลหงสา พ่อผู้ตาย อายุ 62 ปี กล่าวว่า ส่วนมากตนเองจะไม่ค่อยได้พูดคุยกับลูกมากนัก ส่วนมากเขาจะคุยกับแม่ และก็เป็นคนคอยส่งเงินให้กับที่บ้านอยู่เป็นประจำ หลังจากเกิดเหตุก็รู้สึกเสียใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทางครอบครัวก็ต้องสู้กันต่อไป ส่วนจะมีการปูนบำเหน็จให้ ตนเองก็ไม่อยากได้ หากเลือกเอาลูกกลับมาได้ อยากได้ลูกกลับคืนมามากกว่า 

 

ด้านของ นายประดับ พลหงสา อายุ 26 ปี น้องชายผู้มีอาการพิการ กล่าวว่า ตนเองเสียใจ ที่เรื่องเลวร้ายแบบนี้จะเกิดกับครอบครัว ที่มีพี่ชายเป็นเสาหลักของครอบครัว และเป็นที่พึ่งของตนเอง ที่ช่วยเหลืออะไรครอบครัวไม่ได้ และกลายเป็นคนพิการ เมื่อไม่มีพี่ชาย ก็ยิ่งเสียใจ ที่ตนเองยิ่งกลายเป็นภาระหนักของครอบครัว โดยไม่มีใครช่วยอีกแล้ว