
ผู้บริหารดาราเทวี เชื่อไฟไหม้ผิดธรรมชาติ ลั่นอย่าพยายามใส่ร้าย
ผู้บริหารดาราเทวี เชื่อไฟไหม้ผิดธรรมชาติ ถามกลับบางกลุ่มพยายามใส่ร้ายเพื่อ? ยันเคยเสนอขอทำประกัน แต่ถูกปฏิเสธ เพราะยังไม่เปิดใช้และอาคารเป็นไม้
จากกรณีนางสาวเยาวลักษณ์ ฤทธิ์สมจิตต์ ตัวแทนผู้ถือหุ้นของบริษัท อินเตอร์ ฟาอีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ( มหาชน ) หรือ IFEC โดยบริษัทย่อยในเครือคือ บริษัท อินเตอร์ฟาร์อีสท์ เทอร์มอล พาวเวอร์ จำกัด หรือ I THERMAL ได้เข้าประมูลซื้อโรงแรมดาราเทวีจากการขายทอดตลาดและเข้าไปร่วมทุนกับ บริษัท สยามเอสเตท ดาราเทวี จำกัด ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูล ตั้งข้อสังเกตุถึงสาเหตุไฟไหม้บริเวณอาคารสปาเมื่อวันที่ 23 เม.ย. ที่ผ่านมา ว่ามีปัญหาการจัดการระบบสาธารณูปโภค รวมถึงปล่อยให้รกร้าง โดยเฉพาะเรื่องการใช้ไฟฟ้าในอาคาร จนอาจทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรนั้น
นายสุพรรณ เศษธะพานิช ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยาม เอสเตท ดาราเทวี จำกัด เจ้าของพื้นที่ในปัจจุบัน เปิดใจกับทีมข่าวคมชัดลึกออนไลน์ โดยยืนยันว่า อาคารดังกล่าวไม่มีการใช้ไฟฟ้า ส่วนภาพที่ปรากฎในบางสื่อนั้น เป็นไฟลูกปิงปองเพื่อให้แสงสว่าง อยู่เฉพาะด้านหน้าและด้านข้างทางอาคารเท่านั้น ส่วนภายในอาคารหากเสียบปลั๊กเข้าไปก็จะไม่มีไฟ ดังนั้นยืนยันว่าอาคารนี้ไม่มีการใช้ไฟฟ้าอย่างแน่นอน พร้อมตั้งคำถามว่า น.ส.เยาว์ลักษณ์ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลที่ได้รับผลประโยชน์ พยายามจะป้ายสี บริษัท สยาม เอสเตท ดาราเทวี จำกัด เพื่ออะไร?
นายสุพรรณ กล่าวว่า ตอนแรกหลังจากเกิดเหตุไฟไหม้ อีกฝ่ายก็พยายามบอกว่า เจ้าของโรงแรมเผาเพื่อเอาประกัน โดยไม่ทราบว่า อาคารที่เกิดไฟไหม้นั้นไม่มีประกัน ต่อมาพอทราบข้อเท็จจริง ก็พยายามเบี่ยงประเด็นว่า ทางเราดูแลไม่ดี ทำให้มีไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งข้อเท็จจริง คือ อาคารนี้ไม่ได้ถูกใช้งานมา 6-7 ปี และตนก็ยืนยันคำเดิมว่า อาคารนี้ไม่ได้มีการใช้งาน ไม่มีไฟฟ้าในอาคาร พร้อมตั้งคำถามว่าไฟปิงปองจะทำให้ไฟไหม้ขนาดนั้นเชียวหรือ แต่อย่างไรก็ตามตนไม่ขอออกความเห็นว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แต่ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ ผิดธรรมชาติ
ส่วนที่อีกฝ่ายมองว่า สาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ เนื่องจากไม่มีระบบไฟฟ้าใช้งานได้แบบระบบโรงแรมอื่นที่ได้มาตรฐาน อย่างเช่น การเดินสายไฟชั่วคราว เป็นแบบสายไฟขนาดเล็ก ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ผ่านตู้ควบคุมแรงดัน นายสุพรรณ ย้ำอีกครั้งว่า ยังไม่ใช่โรงแรมมาตรฐาน ยังไม่เปิดใช้อาคาร เราแค่ต่อสายชั่วคราวเพื่อให้เกิดแสงสว่าง ซึ่งเป็นไฟฟ้าแสงสว่างไม่กี่ดวง ตามด้านหน้าและข้างอาคาร และเป็นไฟปิงปอง
ส่วนที่ น.ส.เยาวลักษณ์ ระบุว่า ไม่มีระบบดับเพลิงและระบบส่งน้ำดับเพลิงสำหรับกรณีฉุกเฉินนั้น นายสุพรรณ ยอมรับว่า จริง แต่เนื่องจากอาคารไม่มีการใช้งาน ประกอบกับ บริษัท สยามเอสเตท ดาราเทวี จำกัด ซื้อโรงแรมมาครึ่งเดียวในส่วนที่เป็นโรงแรม อีกครึ่งหนึ่งเราไม่ได้ซื้อ ซึ่งเป็นของบริษัทโกลเบิล วัน รวมถึงเราไม่ได้ซื้อสถานีจ่ายน้ำที่เคยมีความพยายามขายให้ ทำให้สถานีน้ำอยู่ในส่วนของอีกฝั่ง
นายสุพรรณ กล่าวต่อว่า หลังจากบริษัท สยามเอสเตท ดาราเทวี จำกัด เข้ามาซื้อโรงแรมดาราเทวีแล้วนั้น เราก็พยายามประกอบธุรกิจปกติ แต่มีกลุ่มก่อกวนฟ้องคดีเป็น 10 คดี รวมถึงภาพท่อน้ำประปาที่ต่อจากวัดบวกครกหลวงนั้น เป็นการนำเสนอข้อมูลแค่ด้านเดียว หากอยากทราบข้อเท็จจริง สามารถสอบถามผู้เช่าในกาดดารา บุคคลเหล่านี้จะเป็นคนกลางที่พูดความจริง
ขณะนี้ทาง IFEC มี 2 กลุ่มที่เดือนร้อน คือ ผู้ถือหุ้น 2,000 กว่าราย ที่ตอนนี้เหลือน้อยมากเพราะขายทิ้งไปหมดแล้ว อีกกลุ่มคือ เจ้าหนี้ ซึ่งขณะนี้ไปยื่นชื่อตัวเองอยู่ในแผนฟื้นฟู และกำลังได้รับการชำระอยู่ ดังนั้นต้องถาม น.ส.เยาวลักษณ์ ว่า เดือดร้อนอะไร โจมตีไม่หยุด พร้อมตั้งข้อสังเกตุว่า เหตุไฟไหม้อาคารสปาตอนตี 2 แต่ทำไมกลุ่มไลน์ของ IFEC กลับรายงานเหตุอย่างรวดเร็วตอนตี 2 นิดๆ ซึ่งรู้ก่อนทางโรมแรมอีกด้วยซ้ำ
ส่วนที่ น.ส.เยาวลักษณ์ กล่าวหาว่า บริษัท สยามเอสเตท ดาราเทวี จำกัด ไม่มีการรักษาสินทรัพย์ ปล่อยให้โรงแรมดาราเทวีมีสภาพทรุดโทรม รกร้าง อาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ได้ด้วยนั้น นายสุพรรณ ระบุว่า ผู้ที่จะให้ความเห็นได้ดีที่สุด คือ คู่ค้า ร้านอาหารที่ทำอยู่ในโรงแรมดาราเทวี หลังจากที่ทางตนเข้ามาบริหารและซ่อมแซม จนกระทั่งสภาพหน้ามือเป็นหลังมือ และตนก็มีแผนปรับปรุงซ่อมแซมขยายต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งในส่วนของอาคารสปาที่เกิดไฟไหม้นั้น เรายังไม่ได้ทำอะไร ยังไม่ได้รีโนเวท เพราะฉะนั้นข้อมูลของอีกฝ่ายเป็นการพูดด้านเดียว มีความจริงเพียงครึ่งเดียว ดังนั้นขอให้ลงพื้นที่มาดูด้วยตัวเองและสอบถามคนที่อยู่ คนที่ทำมาหากินอยู่ที่นี่ว่าแย่ขนาดนั้นเลยหรือไม่
ส่วนกรณีที่กล่าวหาว่า บริษัท สยามเอสเตท ดาราเทวี จำกัด เข้ามาซื้อโรงแรมดาราทีวีนั้น ไม่ได้จ่ายเงินเลย ได้กระดาษมา 2 ใบ ในเรื่องนี้ตนดำเนินการตามกฎหมายแล้วเช่นกัน ซึ่งข้อเท็จจริงเรื่องนี้คือ บริษัท สยามเอสเตท ดาราเทวี จำกัด จ่ายเงินสดไป 1,000 ล้านบาท เพราะฉะนั้นที่กล่าวหากันว่าไม่ได้อะไรเลยได้กระดาษมา 2 ใบ ถือเป็น "คำโกหก" เรื่องนี้อยู่ในคดีความแล้ว
ส่วนที่บอกว่า บริษัท สยามเอสเตท ดาราเทวี จำกัด พยายามใช้ประโยชน์จากการลงทุนโดยการเปิดกาดดารานั้น เป็นเรื่องจริง แต่เปิดบริเวณด้านนอก เป็นตลาด ไม่เกี่ยวอะไรกับอาคาร ไม่เกี่ยวกับพื้นที่ไฟไหม้เลย
ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ถือหุ้น IFEC เตรียมนัดประชุมทวงถามถึงสาเหตุเพลิงไหม้และตั้งคำถามว่าทำไมบริษัทไม่มีการทำประกันภัย ทั้งที่โรมแรมดาราเทวีมีมูลค่าสูง นายสุพรรณ ชี้แจงว่า หลังเกิดไฟไหม้ บางฝ่ายก็พยายามโยงว่า เป็นการเผาเพื่อเอาประกัน แต่พอทราบว่าไม่มีประกัน ก็พยายามโยงอีกว่าเราดูแลทรัพย์สินไม่ดี ทรัพย์สินมีคุณค่าสูง ทำไมไม่ทำประกัน ซึ่งที่ผ่านมา ยืนยันว่า เราเคยติดต่อขอทำประกันไปแล้ว ไม่ใช่ไม่เคยทำ มีเอกสารชัดเจน แต่ทางบริษัทประกันแจ้งกลับมาว่า อาคารนี้ไม่เปิดใช้งาน และ เป็นอาคารไม้ บริษัทประกันไม่รับทำ
นายสุพรรณ กล่าวทิ้งท้ายถามกลับไปยัง น.ส.เยาวลักษณ์ ว่า "การออกมาให้ข้อมูลต่างๆ ทำหน้าที่ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้ IFEC โดยสุจริตใช่หรือไม่" ซึ่งหลังจากนี้ความจริงจะปรากฎ ตนจะไม่ปล่อยให้ใครมากล่าวหา เพราะมีหลักฐานเอกสารชัดเจน ส่วนจะดำเนินการฟ้องกลับหรือไม่ ขอให้เป็นเรื่องของทางทีมกฎหมายต่อไป