
เปิดข้อสังเกต ผู้บริหาร "ดาราเทวี" มองเหตุไฟไหม้ผิดธรรมชาติ
ผู้บริหาร "ดาราเทวี" มองเหตุไฟไหม้ผิดธรรมชาติ มีขบวนการกลั่นแกล้ง-ดิสเครดิต ล่าสุดให้ข้อมูล ตร. หมดแล้ว เตรียมลุยแผนพัฒนาพร้อมกลับมาเปิดใหม่ปีหน้า
กรณีการเกิดไฟไหม้โรงแรมดาราเทวี จ.เชียงใหม่ ในส่วนของอาคารสปา ที่เป็นอาคารไม้ทั้งหลังเมื่อคืนของวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา
นายสุพรรณ เศษธะพานิช กรรมการและผู้บริหาร บริษัท สยาม เอสเตท ดาราเทวี จำกัด ให้สัมภาษณ์พิเศษกับคมชัดลึกออนไลน์ว่า ตนพยายามหลีกเลี่ยงการให้ความเห็น เนื่องจากอยู่ในกระบวนการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ แต่ตนเชื่อว่าเป็นการไหม้แบบ "ผิดธรรมชาติ" พร้อมตั้งข้อสังเกตุ
- อาคารสปาที่เป็นจุดไฟไหม้นั้น ไม่ได้เปิดใช้งานมา 6-7 ปีแล้ว
- อาคารสปาไม่มีกระแสไฟฟ้า แต่มีไฟปิงปองบริเวณด้านหน้าและนอกอาคารประมาณ 10 ดวง ที่ต่อสายไฟลากมาจากอาคารใกล้ๆ เท่านั้น โอกาสการเกิดไฟไหม้น้อยมาก
- อาคารสปาใช้พื้นซีเมนต์บอร์ด โครงเหล็ก มีไม้เนื้อแข็ง โอกาสการเกิดไฟฟ้าลัดวงจรมีน้อยมาก โดยเฉพาะมีเบรกเกอร์ตัดไฟ แม้จะไม่ได้ผ่านตัวควบคุมไฟก็ตาม
- ได้รับรายงานว่า การเกิดเพลิงค่อนข้างจะไวและลุมลามเร็วมาก
นายสุพรรณ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้พยานที่เป็นชาวบ้านได้ให้ข้อมูล มีเสียงระเบิดติดต่อกันต่อเนื่องเป็นสิบครั้ง ซึ่งแปลกมาก เพราะพื้นที่นั้นไม่น่าจะมี วัสดุหรือเครื่องมือใดๆ ที่ทำให้เกิดระเบิด
ส่วนจะมีกลุ่มบุคคลหนึ่งมาก่อเหตุด้วยจุดประสงค์อะไรหรือไม่ นายสุพรรณ กล่าวว่า ตั้งแต่บริษัทสยาม เอสเตทฯ เข้ามาบริหารโรงแรมดาราเทวี ก็พบกับขบวนการนหนึ่งที่พยายามให้ข่าวร้าย เช่น ตอนแรกที่เกิดไฟไหม้ ก็พยายามบิดเบือนว่า เป็นการวางเพลิงเพื่อเอาเงินประกัน ต่อมาทราบเป็นที่ประจักษ์จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ว่า เราไม่ได้ทำประกัน กลุ่มดังกล่าวก็พยายามบอกว่า เพราะเราบริหารไม่ดีหรือใช้ระบบสาธารณูปโภคไม่ได้มาตรฐาน
ส่วนแนวทางการพิสูจน์สาเหตุไฟไหม้นั้น นายสุพรรณ กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน หรือ พฐ. ลงพื้นที่หาพยานหลักฐานและข้อเท็จจริง ขณะนี้ได้ให้ข้อมูลกับทางตำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ยังมีขบวนการให้ข่าวและฟ้องกลั่นแกล้งด้วยการใช้เทคนิคตามกฎหมาย ฟ้องร้องแตกคดี ปัจจุบันกลุ่มนี้ฟ้องร้องบริษัทสยาม เอสเตทฯ และ คู่ค้า กว่า 20 คดีแล้ว คิดว่าเป็นธรรมชาติของการกลั่นแกล้ง ซึ่งเชื่อว่าทั้งขบวนการให้ข่าวร้ายและขบวนการฟ้องร้องน่าจะเป็น "คนกลุ่มเดียวกัน" โดยเรามีหลักฐานที่พอจะเชื่อมโยงกันได้ และ กลุ่มบุคคลทั้งหมดนี้น่าจะอยู่ภายใต้การบงการของบุคคลท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้เสียผลประโยชน์หรืออยากจะได้ประโยชน์ในทางที่ไม่ควรชอบกับการเข้ามาบริหารโรงแรมดาราเทวี ยืนยันว่า ไม่ได้มีข้อขัดแย้งกับบุคคลอื่น นอกจากบุคคลนี้บุคคลเดียวที่มีอำนาจควบคุมนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องในขบวนการนี้
ตนจึงอยากขอความเป็นธรรมกับศาลและผู้พิพากษา เพราะระบบกระบวนการยุติธรรมเราเป็นระบบกล่าวหา ฉะนั้นบางคนดูเสมือนเป็นผู้เสียหาย เช่น มีเพียง 1 หุ้น ก็แตกโจกท์มาฟ้อง 20 คดี สิ่งเหล่านี้ตนคิดว่า คนเป็นนักธุรกิจไม่อยากเจอในลักษณะนี้ ตนอยากจะเดินหน้าทำงานและพัฒนาพื้นที่ การฟ้องเช่นนี้ คือ การทำให้งานสะดุดโดยใช้เทคนิคทางกฎหมาย ตนว่าไม่สร้างสรรค์กับการทำงาน
ส่วนกังวลหรือไม่ว่า สุดท้ายการเกิดไฟไหม้ จะสาวไม่ถึงตัวการ เป็นการจับแพะ นายสุพรรณ ยอมรับ กังวล แต่ยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมและความสามารถการสืบสวนของตำรวจ รวมถึงยอมรับ ตนและครอบครัวกลัวเรื่องอิทธิพลในพื้นที่เช่นกัน
ส่วนที่กลุ่มผู้ถือหุ้น บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC โดยมี I Thermal ซึ่งเป็นบริษัทลูก ที่ชนะการประมูลเข้าร่วมซื้อโรงแรมดาราเทวี จะรวมตัวกันหารือสอบถามถึงสาเหตุไฟไหม้นั้น นายสุพรรณ กล่าวว่า อย่าใช้คำว่า "ผู้ถือหุ้น" แต่สิ่งที่ น.ส.เยาวลักษณ์ ที่อ้างว่าเป็นตัวแทน ผู้ถือหุ้น IFEC ทำ คือพยายาม เป็นศูนย์กลางของกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อย ซึ่งตนขอถามกลับว่า "วันนี้ทำเพื่อผลประโยชน์ของใครกันแน่" เพราะตนไม่เชื่อว่าผู้ถือหุ้นรายย่อยของ IFEC ในปัจจุบัน จะเป็นกลุ่มเดียวกันกับผู้ถือหุ้นเมื่อ 7 ปีที่แล้ว เพราะปัจจุบัน IFEC ถูกลบออกจากตลาดแล้ว และ ผู้ถือหุ้นรายย่อยส่วนใหญ่ มีการขายหุ้นออกไปหมดแล้ว หรือที่ยังอยู่ก็ไม่มากแล้ว ขณะที่กลุ่มเจ้าหนี้ IFEC ของเมื่อ 7 ปีก่อน ก็ได้รับการก็อยู่ในแผนฟื้นฟู ได้รับการทยอยชำระแล้ว
ส่วนเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนี้จะกระทบต่อความเชื่อมั่น หรือ กระทบแผนงานที่เตรียมไว้หรือไม่ นายสุพรรณ ยอมรับ กระทบมาก และเป็นสิ่งที่กลุ่มบุคคลเหล่านี้ตั้งใจ จู่ๆเกิดไฟไหม้และมีข่าวดิสเครดิตตลอดเวลา ทั้งเรื่องกาดดารา ร้านอาหาร หรือ ระบบสาธารณปโภค ทั้งๆที่เราในฐานะผู้บริหารดาราเทวี เราพยายามทำดีที่สุด เพื่อเป็นผลประโยชน์กับธุรกิจและเป็นผลประโยชน์กับชุมชนและคนเชียงใหม่ ยืนยัน หลังจากนี้ยังคงเดินหน้าและ รีโนเวทต่อ เพราะชีวิตก็ต้อง Move on
อย่างไรก็ตามการบริหารโรงแรมดาราเทวีในยุคของ นายสุพรรณ ยืนยันที่จะเดินหน้าพัฒนาต่อ เนื่องจากเป็นสถานที่ทรงคุณค่าอย่างมาก การที่เราเข้ามาบริหารก็ต้องการเชื่อมโยงกับสังคมและชุมชนมากขึ้น เจตนารมณ์เพื่อที่จะพัฒนาพื้นที่ให้กับชาวบ้าน เห็นได้ชัดเจน จากการจัดกาดดาราหรืออีเว้นท์ เราที่ให้ความสำคัญมากคือ ชุมชนรอบๆ การเปิดตัวโรงแรมดาราเทวี ควรเอื้อต่อคนในชุมชนและเราทำงานร่วมกันใกล้ชิด มีชาวบ้านมาขายของ แสดงศิลปะ หัตถกรรม
ส่วนแผนพัฒนาระยะยาว นายสุพรรณ ระบุว่า จะมุ่งเน้นรีโนเวทโรงแรมต่อ คืนความเป็นโรงแรมกลับให้เชียงใหม่ เพราะโรงแรมที่เป็นลักษณะดาราเทวีหายากแล้วในประเทศไทย นอกจากคืนความสวยงามให้ท้องถิ่นและชุมชนแล้ว ในเชิงธุรกิจขอเชิญชวน สำหรับนักท่องเที่ยวและคนเชียงใหม่ที่อยากเห็นงานวิจิตรของที่พักและโรงแรมลักษณะนี้ ภายในปีนี้ ตนคิดว่าจะทยอยเปิดโรงแรมมากขึ้นอีก