ขับเคลื่อน 2 โครงการรักษาเสถียรภาพ "ยาง" กยท. มั่นใจเป็นพืชเศรษฐกิจมีอนาคต
กยท.เผยสถานการณ์ "ยาง" ในช่วง 2 ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้แม้จะแกว่งตัวตามกลไกตลาด แต่ยังมีแนวโน้มที่ดีเมื่อเทียบกับพืชชนิดอื่น ๆ พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อน 2 โครงการรักษาเสถียรภาพ "ราคายาง" ช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยถึง "สถานการณ์ยาง" ในไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปี 2565 ว่า จะใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา ราคายังเป็นไปตามกลไกทางการตลาดอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าปัจจัยภายนอกประเทศ โดยเฉพาะสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ และความขัดแย้งระหว่างไต้หวัน จีน และสหรัฐ มีผลโดยตรงต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจของโลก อีกทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้ยางมากที่สุดมีการชะลอลงในขณะที่การระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ทำให้การใช้ถุงมือยางลดลง
แต่ในขณะเดียวกัน หลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยมีการคลายล็อก ทำให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ดีขึ้น ภาคการท่องเที่ยว ภาคการขนส่ง มีการขยายตัว ทำให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ เช่น หนังยางชนิดต่างๆ เป็นต้น ในชีวิตประจำวันมีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงยังทำให้ราคายางมีเสถียรภาพ แม้จะมีการแกว่งตัวบ้างก็ตามแต่ก็ช่วงแคบ ๆ
อย่างไรก็ตามเพื่อให้ "ราคายาง" มีเสถียรภาพ กยท.ยังคงดำเนินโครงการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางต่อเนื่อง 2 โครงการ คือ โครงการรักษาเสถียรภาพราคายาง โดย กยท.ดำเนินการซื้อขายยางผ่านตลาดกลางยางพาราเพื่อไม่ให้ราคาเกิดการผันผวนมากเกินไป เป็นไปตามกลไกการตลาด
และโครงการชะลอการขายยางของสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางเพื่อชะลอปริมาณผลิตยางพาราออกสู่ตลาดในช่วงนี้ รวมทั้งเพื่อให้สถาบันเกษตรกรชาวสวนยางมีสภาพคล่องทางการเงินในระหว่างการอขายผลผลิต
ทั้งนี้ กยท.มั่นใจว่า จากสถานการณ์ยางในปัจจุบันและการดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรดังกล่าว จะทำให้ยางมีเสถียรภาพมากขึ้น และเป็นการยกระดับราคาซื้อขายยางในตลาด รวมทั้งทำให้เกิดการแข่งขันที่เป็นไปตามกลไกตลาดอีกด้วย
แม้ขณะนี้ "ราคายาง" จะทรงตัว แต่ยางพารายังเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีอนาคตเมื่อเทียบกับพืชชนิดอื่น ๆ และหากพิจารณาจากความต้องการใช้ยางกับปริมาณผลผลิตแล้ว จะเห็นได้ว่า ผลผลิตในตลาดโลกยังมีน้อยกว่าความต้องการถึง 604,000 ตัน ซึ่ง ANRPC วิเคราะห์ว่า ในปี 2565 ปริมาณผลผลิตอยู่ที่ 14.420 ล้านตัน และปริมาณการใช้ยางอยู่ที่ 15.204 ล้านตัน
นอกจากนี้การดำเนินนโยบายลดภาษีรถใหม่ของจีน คาดว่าจะทำให้ยอดขายรถเพิ่มขึ้น 24% ประกอบกับความมุ่งมั่นในการลดคาร์บอนของอุตสาหกรรมยานยนต์ทำให้การผลิตรถEV(รถยนต์ไฟฟ้า)เพิ่มขึ้นซึ่งจะทำให้ความต้องการยางจะเพิ่มขึ้นประมาณ 4% อีกด้วย
ขณะเดียวกับธนาคารโลกได้ประกาศค่า PMI ซึ่งเป็นดัชนีชี้นำ GDP ของประเทศผู้ใช้ยางรายใหญ่ในเดือนกรกฎาคม2565 ที่ผ่านมาหลายประเทศยังอยู่เหนือระดับ 50 หรือใกล้เคียง ทั้งนี้หากมีค่าPMI มากกว่า 50 หมายถึงเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวจากระดับปัจจุบัน โดยประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 52.20 ประเทศญี่ปุ่น 52.10 ยุโรป อยู่ที่ 49.80 และประเทศจีนอยู่ 49.00 ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าวจึงมีการคาดการณ์ราคายางในอนาคตน่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน ผู้ว่าการ กยท.กล่าว
สำหรับผลผลิตยางในประเทศไทยนั้น ปริมาณผลผลิตยางในช่วงสิงหาคม-กันยายน 2565 จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาเล็กน้อย โดยผลผลิตในเดือนสิงหาคม 2564 อยู่ที่ 451,955 ตัน ในขณะที่เดือนสิงหาคม 2565 อยู่ที่ 455,932 ตัน
อย่างไรก็ตามสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ได้ปรับลดคาดการณ์ผลผลิตยางทั้งปีลง 1% จากที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อต้นปี โดยมีผลผลิตยางเป็นเนื้อยางแห้งเท่ากับ 4.799 ล้านตัน และคาดว่าการส่งออกจะอยู่ที่ 4.275 ล้านตัน
ทั้งนี้เนื่องจากเกษตรกรปรับเปลี่ยนจากการปลูกยางไปปลูกพืชชนิดอื่นโดยเฉพาะทุเรียนมากขึ้น ประกอบกับฝนตกหนักช่วงไตรมาสที่ 3 ทำให้เกษตรกรไม่สามารถกรีดยางได้
อย่างไรก็ตามเกษตรกรต้องระวังเรื่องน้ำป่าไหลหลากท่วมสวนยาง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ อีสานและตะวันออก พร้อมทั้งให้ระวังตรวจสอบการระบาดโรคใบร่วงชนิดใหม่ที่มักจะมาพร้อมกับความชื้นอีกด้วย
ติดตาม คมชัดลึก ที่นี่
Facebook : https://www.facebook.com/komchadluek/
YouTube:https://www.youtube.com/channel/UCnniqWGq9lOqYd5sGWxVi7w
เช็กรายชื่อศิลปินเข้าชิง "คมชัดลึก ลูกทุ่ง Awards 2565" ใครคือ 6 Candidate กับ 8 สาขา Popular Vote ได้ที่นี่