จับตา "เขตส่งเสริมนวัตกรรมยาง" ปลุกระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้
จับตา "เขตส่งเสริมนวัตกรรมยาง" ปลุกระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ กระตุ้นเศรษฐกิจ คิดเป็นมูลค่าถึง 990,000 ล้านบาท
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย(กยท.)กล่าวถึงประโยชน์ได้รับจากการดำเนินโครงการจัดตั้งเขตส่งเสริมนวัตกรรมยางพาราระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้หรือ SECri ว่า โครงการจัดตั้ง "เขตส่งเสริมนวัตกรรมยางพารา" ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ ( Southern Economic Corridor of Rubber Innovation: SECri ) ที่ใช้เงินลงทุนสูงถึง 89,000 ล้านบาท แต่ผลประโยชน์ที่ได้รับจะคุ้มค่ามาก สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ
คิดเป็นมูลค่าถึง 990,000 ล้านบาท เพิ่มความต้องการใช้ยางในประเทศไม่น้อยกว่า 1.1 ล้านตัน เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นประมาณ 45,000 คน กระจายรายได้สู่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย-ปานกลาง ประมาณ 56.18% ช่วยผลักดันกลไกราคายางพาราให้เป็นธรรม
นายณกรณ์ กล่าวอีกว่า ที่สำคัญจะทำให้เกษตรกรชาวสวนยางมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้ที่มั่นคง ช่วยยกระดับรายได้ให้ชาวสวนยางประมาณ 15,675 บาทต่อไร่
"โครงการ SECri" เป็นการดำเนินโครงการภายใต้โครงการจัดตั้งพื้นที่บริหารจัดการยางพาราทั้งระบบ (Rubber Valley) ซึ่งจะดำเนินโครงการในพื้นที่ที่อยู่ในการกำกับดูแลของกยท. รวม 38,520 ไร่ ในเขตจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยแบ่งเป็นพื้นที่ส่งเสริมเกษตรกรรมสวนยางอย่างยั่งยืนและเกษตรกรรมสวนยางผสมผสานรวมประมาณ 33,520 ไร่ ในเขต อำเภอช้างกลาง และอำเภอทุ่งใหญ่ ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 3,500 ไร่ในเขต อำเภอช้างกลาง เป็นพื้นที่จะใช้ดำเนินโครงการSECri
โครงการจัดตั้งพื้นที่บริหารจัดการยางพาราทั้งระบบ กยท.ได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้แล้วพบว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะผลักดันเป็นจริงได้โดยใช้ระยะเวลาแค่ 7 ปี
ทั้งนี้เนื่องจากพื้นที่ที่จะดำเนินโครงการ คือจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงในการลงทุนด้านยางพาราเพราะนอกจากจะอยู่ในพื้นที่การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้(SEC)ของรัฐบาล ที่มีความพร้อมทั้งระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นน้ำ ไฟฟ้าและระบบขนส่ง ทั้งถนนสายหลัก สายรอง ท่าเรือ สนามบิน และรถไฟ แล้ว ยังเป็นพื้นที่ที่เป็นสะพานเชื่อมเศรษฐกิจ (Land Bridge) ระหว่างฝั่งทะเลอันดามัน(มหาสมุทรอินเดีย) และอ่าวไทย(มหาสมุทรแปซิฟิก)
รวมทั้งกยท. ยังมุ่งหวังที่จะผลักดันให้จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราในภูมิภาคนี้ และเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบจากยางพาราอันดับต้นของประเทศอีกด้วย
สำหรับการศึกษาเพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวในครั้งนี้ กยท.ได้ดำเนินการศึกษาครอบคลุมในทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม รวมทั้งศึกษาแนวทางการส่งเสริมการเกษตรรูปแบบผสมผสานต้นแบบการจัดการสวนยางยั่งยืนเพื่อสร้างความเข้มแข็งและยกระดับรายได้ให้เกษตรกรอย่างยั่งยืน ตลอดจนศึกษาแนวคิดและรูปแบบ ประเภทธุรกิจยางพาราที่เหมาะสมกับระบบนิเวศของพื้นที่ การออกแบบผังแม่บทการพัฒนาเบื้องต้นและผังโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภคหลักในพื้นที่โครงการรูปแบบในการลงทุนและรูปแบบการบริหารจัดการ รวมถึงประเมินผลกระทบจากโครงการและมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ขณะนี้มีเอกชนสนใจจะเข้ามาร่วมลงทุนใน "โครงการSECri" แล้ว ทั้งที่เป็นบริษัทภายในประเทศและบริษัทจากต่างประเทศ เป็นบริษัทผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ยางต้นน้ำจนถึงปลายน้ำจำนวน 3 ราย และบริษัทพัฒนาพื้นที่ 1 รายและบริษัทผู้ผลิตเฉพาะผลิตภัณฑ์ยางต้นน้ำ 1 ราย
สำหรับอุตสาหกรรมที่สนใจลงทุน เช่น อุตสาหกรรมพัฒนาการแปรรูปยางคอมปาวด์ ยางผสม ธุรกิจแปรรูปน้ำยางข้น โรงงานผลิตถุงมือยาง โรงงานผลิตถุงยางอนามัย โรงงานผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ โรงงานพื้นที่รองเท้า โรงงานที่นอนและหมอนยางพารา โรงงานผลิตภัณฑ์จากไม้ยางพารา เป็นต้น นายณกรณ์กล่าว
ดังนั้น กยท. จึงมั่นใจว่า หากมีการเปิดดำเนินโครงการอย่างเป็นทางการแล้ว จะทำให้เกิดการลงทุนและความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และพันธมิตรหน่วยงานต่าง ๆ ในเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน ระบบสาธารณูปโภค แหล่งการเรียนรู้ เป็นต้น
เกิดช่องทางการขนส่งเพิ่มขึ้นและเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ ตลอดจนการลงทุนโรงงานแปรรูปยางพาราขนาดกลางและขนาดใหญ่อย่างแน่นอน จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ตอนบนและตอนกลางโดยเฉพาะจังหวัดนครศรีธรรมราช ทั้งในด้านการค้า การลงทุน
รวมถึงภาคการบริการ การท่องเที่ยวภายในพื้นที่และบริเวณโดยรอบ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า990,000 ล้านบาท ทำให้เกิดการกระจายรายได้ทางเศรษฐกิจสู่กลุ่มผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปานกลางสูงถึง 56.18% หรือคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 558,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ "โครงการSECri" ช่วยส่งเสริมและต่อยอดอุตสาหกรรมยางพารา พัฒนามูลค่าของผลิตภัณฑ์ยางพาราในรูปแบบที่หลากหลาย ซึ่งจะสามารถเพิ่มความต้องการใช้ยางพาราภายในประเทศจากร้อยละ 17 ไปสู่ร้อยละ 23 หรือปริมาณการใช้ยางอยู่ที่ 1.09 ล้านตัน หรือมูลค่าเพิ่มขึ้น 110,000 ล้านบาท ผลักดันกลไกราคายางให้มีความเป็นธรรมทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ต่อยอดสู่การพัฒนาการเปิดประมูลยางพาราในตลาดท้องถิ่นที่ใหญ่ขึ้น เพิ่มมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางพาราเป็น 450,000 ล้านบาทภายในปี 2570
รวมทั้งยังส่งเสริมการวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาพันธุ์ยางให้มีประสิทธิภา่พมากขึ้น และงานวิจัยเพื่อพัฒนาสินค้าที่ใช้ยางพาราหรือส่วนประกอบของยางพาราในการผลิต ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมยางพารา
ทั้งนี้กยท.จะให้ความสำคัญกับระบบนิเวศ โดยมุ่งเน้นการเป็นเขตส่งเสริมนวัตกรรมยางพาราและอุตสาหกรรมยางพาราที่มีต้นทุนต่ำ แต่มีประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะธุรกิจ Start Up รุ่นใหม่เพื่อสร้างนวัตกรรมยางพาราใหม่ ๆ
ผู้ว่าการ กยท.มั่นใจว่า "SECri" ยังการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ยางพารา ทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด(GPP)ในจังหวัดที่เติบโตขึ้น สร้างโอกาสให้กับแรงงานมีอาชีพที่ดีขึ้นและมั่นคง เกิดการต่อยอดฐานความรู้จากการส่งเสริมเกษตรอัจฉริยะ เกษตรผสมผสานสวนยางยั่งยืน ซึ่งจะสร้างรายได้ให้แก่เกษตรการชาวสวนยางในภาคใต้และจังหวัดอื่น ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ทำให้เกษตรกรชาวสวนยางมีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 15,675 บาทต่อไร่ ภายในปี 2570
โครงการจัดตั้งเขตส่งเสริมนวัตกรรมยางพาราระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ หรือ SECri จะสร้างโอกาสให้ประเทศไทยก้าวสู่ประเทศไทยอุตสาหกรรมยางครบวงจร ก่อให้เกิดการพัฒนายางตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เพิ่มมูลค่าให้กับยางพาราของไทยในส่งออกในรูปผลิตภัณฑ์ยางมากขึ้น ราคายางจะมีเสถียรภาพ เกษตรกรชาวสวนยางมีรายได้สูงขึ้น และจะมีความมั่นคงในอาชีพอย่างยั่งยืน
ขณะนี้ กยท.เสนอโครงการให้กระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) พิจารณาแล้ว คาดว่าจะมีความชัดเจนของโครงการมากขึ้นในปี 2566 และจะสามารถผลักดันให้เป็นจริงได้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 7 ปีนี้อย่างแน่นอน ผู้ว่าการ กยท. กล่าวด้วยความมั่นใจ
ติดตาม คมชัดลึก คลิก
Instagram: https://www.instagram.com/komchadluek_online/
Line: https://lin.ee/qw9UHd2
เช็กรายชื่อศิลปินเข้าชิง "คมชัดลึก ลูกทุ่ง Awards 2565" ใครคือ 6 Candidate กับ 8 สาขา Popular Vote ได้ที่นี่