"สินิตย์" เยือนสิงคโปร์ สบช่องดันส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร
"สินิตย์" นำคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ เยือนสิงคโปร์ สบช่องดันส่งออกสินค้าเกษตร-อาหาร ชวนสิงคโปร์นำเข้าผลิตภัณฑ์นม ข้าว ผลไม้ และอาหารนวัตกรรม ต่อยอดสตาร์ทอัพไทยก้าวสู่การค้าออนไลน์ จับมือฟื้นฟูเศรษฐกิจหนุนท่องเที่ยว ร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล-อีคอมเมิร์ซ
นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้นำคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ เยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 26-28 กันยายน ที่ผ่านมา โดยได้หารือกับ ดร.ตัน ซี เหล็ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม ซึ่งได้เห็นพ้องจะกระชับความร่วมมือเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยส่งเสริมการใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีในการส่งออก โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหาร อาทิ ผลิตภัณฑ์นม ข้าว และผลไม้ ซึ่งไทยมีศักยภาพการผลิตและส่งออก รวมทั้งแนวโน้มความนิยมอาหารเพื่อสุขภาพที่เพิ่มขึ้นของสิงคโปร์
นอกจากนี้ ปัจจุบันไทยได้ส่งเสริมการส่งออกอาหารนวัตกรรมหรืออาหารแห่งอนาคตตามแนวทาง BCG ของไทย อาทิ โปรตีนทางเลือกและเนื้อสัตว์ที่ทำจากพืช พร้อมเชิญชวนสิงคโปร์นำเข้าสินค้าดังกล่าว และเพิ่มความร่วมมือด้านการพัฒนาเทคโนโลยีด้านเกษตรและอาหารต่อไป
นายสินิตย์ กล่าวว่า การหารือกับรัฐมนตรีการค้าสิงคโปร์ ได้หารือถึงประเด็นการพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นภารกิจที่กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญและเห็นว่าสิงคโปร์มีความก้าวหน้าเรื่องนี้ สำหรับการพบกับผู้บริหารสมาคมสตาร์ทอัพของสิงคโปร์ (ACE) ได้รับทราบแนวทางพัฒนาระบบนิเวศที่สนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพของสิงคโปร์ โดยเฉพาะการสร้างเครือข่ายและความร่วมมือระหว่างรัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการ ซึ่งไทยสามารถนำมาใช้เป็นแบบอย่างได้ โดยจะนำไปต่อยอดสนับสนุนผู้ประกอบการสตาร์ทอัพไทยที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และกระทรวงพาณิชย์ได้เร่งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการทุกระดับก้าวสู่การค้าออนไลน์ และใช้ประโยชน์จาก e-Commerce ให้มากขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้หารือกับ Shopee ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ของสิงคโปร์ ซึ่งได้รับความนิยมสูงในไทย โดยเห็นว่าผู้ประกอบการจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และจะสามารถส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชนต่อไป ทั้งนี้ ปัจจุบันสิงคโปร์มีบริษัทสตาร์ทอัพกว่า 4,000 ราย และก้าวสู่การเป็นบริษัทยูนิคอร์น 25 ราย อาทิ แกร้ป นินจาแวน และ Sea Limited โดยนอกจากสตาร์ทอัพด้านการเงิน ยังมีธุรกิจด้านชีววิทยาศาสตร์ (life sciences) และธุรกิจเทคโนโลยีการเกษตรและอาหารแห่งอนาคต ซึ่งสิงคโปร์จะผลักดัน เนื่องจากเห็นว่าเป็นสาขาที่ไทยมีความเชี่ยวชาญ ซึ่งจะสามารถสร้างความร่วมมือกับไทยต่อไปได้ในอนาคต
“ไทยยังสามารถขยายความร่วมมือกับสิงคโปร์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 จากการท่องเที่ยว โดยเฉพาะสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวสองฝ่ายเดินทางระหว่างกัน เนื่องจากปัจจุบันไทยและสิงคโปร์ได้เปิดประเทศแล้ว รวมถึงการอำนวยความสะดวกทางการค้าและศุลกากรให้มากขึ้น เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างกันให้ขยายตัว และด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซ ซึ่งจะช่วยสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน โดยเฉพาะการพัฒนาผู้ประกอบการให้สามารถใช้ช่องทางออนไลน์ขยายการค้าและส่งออกได้อย่างยั่งยืน” นายสินิตย์เสริม
ทั้งนี้ ปัจจุบันสิงคโปร์เป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของไทยในอาเซียน ในช่วงเดือน ม.ค.-ส.ค. 2565 การค้าระหว่างไทยกับสิงคโปร์ มีมูลค่า 436,110.42 ล้านบาท โดยไทยส่งออกมูลค่า 241,725.34 ล้านบาท (+34.9%) และไทยนำเข้ามูลค่า 194,385.08 ล้านบาท (+27.9%) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สินค้าส่งออกและนำเข้าสำคัญ อาทิ น้ำมันสำเร็จรูป แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ส่วนสินค้าเกษตรที่ไทยส่งออกไปสิงคโปร์ อาทิ ไก่แปรรูป เครื่องดื่ม และข้าว
เพื่อไม่พลาด ข่าวสารต่างๆ คมชัดลึก ไปที่
Youtube -https://www.youtube.com/channel/UCnniqWGq9lOqYd5sGWxVi7w
LineToday- https://today.line.me/th/v2/publisher/100057