กรมอุทยานฯ ดูแล 'เกาะเสม็ด' หลัง นทท.พุ่ง ชี้ระบบนิเวศ สิ่งแวดล้อมยังรับไหว
กรมอุทยานฯ ดูแล "เกาะเสม็ด" หลังปี 66 นักท่องเที่ยวพุ่งทำรายได้ขยับมากกว่า 2 ปีที่ผ่านมา วางแผนจัดการขยะรองรับปริมาณที่เพิ่มตามจำนวนคน เผยขณะนี้ระบบนิเวศ สิ่งแวดล้อมบนเกาะยังดี
เป็นช่วงไฮท์ซีซั่นที่คนเริ่มเที่ยวทะเลกันเป็นจำนวนมาก และ "เกาะเสม็ด" ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่ยอดฮิตอีกหนึ่งสถานที่ ตั้งแต่ปี 2566 พบว่า มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปพื้นที่เป็นจำนวนมาก โดย นายนิทัศน์ นุ่นสง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ให้สัมภาษณ์กับ คมชัดลึกถึง แนวทางในการดูแล และบริหารจัดการพื้นที่บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-เกาะเสม็ด ว่า ในช่วงนี้บริเวณ "เกาะเสม็ด" มีนักท่องเที่ยวเยอะขึ้น
โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาว และวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จากการเก็บข้อมูลพบว่ามีนักท่องเที่ยวประมาณ 5,000-6,000 คน/วัน จำนวนดังกล่าวยังถือว่าอยู่ในปริมาณที่ "เกาะเสม็ด" ยังรับได้ และไม่ได้มีความแออัด เพราะตลอดทั้งวันมีนักท่องเที่ยวเข้า-ออก และกระจายตัวไปยังจุดอื่น ๆ
นายนิทัศน์ กล่าวต่อว่า ส่วนผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมขณะนี้ยังไม่พบปัญหาด้านระบบนิเวศ โดยทางกรมอุทยานฯ มีการตรวจสอบคุณภาพน้ำทะเล ความสมบูรณ์ของประการังอย่างต่อเนื่องพบว่ายังมีคุณภาพอยู่ในเกณฑ์ดี อย่างไรก็ตามในระยะที่ นักท่องเที่ยว มีจำนวนมากขึ้น แน่นอนว่าปริมาณขยะบน "เกาะเสม็ด" ย่อมมีจำนวนเพิ่มขึ้นตามปกติ โดยอทุยานฯ มีการเตรียมความพร้อม และร่วมมือกับหน่วยงานปกครองท้องถิ่นในการบริหารจัดการโดยได้ประสานกับ อบต. เข้ามาเก็บขยะ และจัดทำจุดเก็บขยะบนหาดต่าง ๆ ให้มีความถี่มากยิ่งขึ้น หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะทำการขนขยะไปกำจัดบนฝั่ง ซึ่งปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้นยังอยู่ในปริมาณที่บริหารจัดการได้ดี และยังไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมบน "เกาะเสม็ด" แต่เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมบนเกาะเสม็ดทางอุทยานฯ จะมีการพิจารณาปิดบางเกาะ บางช่วงวลา เพื่อทำการฟื้นฟูสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเปราะบางทางระบบนิเวศน์ เช่น เกาะทะลุ เกาะขาม ซึ่งจะมีการปิดปีละหนึ่งครั้ง
ด้านการดูแลและจัดระเบียบผู้ค้าบริเวณชายหาด ทางอุทยานฯ ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาว เพราะเข้าใจว่านักท่องเที่ยวเยอะ ความต้องการซื้ออาหาร นั่งรับประทานอาหารจะมีมากกว่าปกติ โดยทางอุทยานฯจะมีการเรียกประชุม พร้อมกับขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการทุกคนให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ซึ่งกทางอุทยานได้มีการทำข้อตกลงกับทางร้านค้าว่าจะไม่มีวางเต้นท์ วางโต๊ะ หรือเก้าอี้นั่งทานข้าวรุกล้ำบริเวณชายหาด
นายนิทัศน์ กล่าวต่อว่า สำหรับรายได้จากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาบริเวณหมู่ "เกาะเสม็ด" นั้นในหลังจากที่สถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย นักท่องเที่ยวเริ่มมีจำนวนมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้อุทยานฯมีรายได้จากเก็บค่าเข้าพื้นที่เพิ่มขึ้นโดยในปี 2566 ตั้งแต่ช่วงเดือนม.ค.- 12 มี.ค.66 สามารถมีรายได้มากถึง 30 ล้านบาท แต่หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2564 อุทยานฯมีรายได้เพียง 20 ล้านบาท และปี 65 มีรายได้ 35 ล้านบาท โดยในปี 2566 ถือว่ามีรายได้เพิ่มกว่าเท่าตัว โดยเฉลี่ยในปี 2565 ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในพื้นที่ประมาณ 6 แสนคน และในปี 2566(1 ต.ค.65-12 มี.ค.66) มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาแล้วกว่า 3 แสนคน คาดว่าปีนี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านๆ มาก