ข่าว

ไทยยูเนี่ยน ลุยกลยุทธ์ธุรกิจยั่งยืนทุ่ม 7.2 พันล้าน ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารทะเล

ไทยยูเนี่ยน ลุยกลยุทธ์ธุรกิจยั่งยืนทุ่ม 7.2 พันล้าน ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารทะเล

21 ก.ค. 2566

ไทยยูเนี่ยนประกาศกลยุทธ์ความยั่งยืน ทุ่มงบ 7.2 พันล้านบาท ตั้งเป้าหมายยาวถึงปี 2573 ต่อยอดพันธกิจความยั่งยืน ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารทะเล ด้วยงบประมาณเทียบเท่ากำไรสุทธิของปี 2565 ของบริษัทฯ

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ประกาศกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® 2030 ซึ่งเป็นช่วงต่อจากกลยุทธ์เดียวกันที่ประกาศเมื่อปี 2559 เพื่อช่วยพลิกโฉมอุตสาหกรรมอาหารทะเล ด้วยการดูแลคนและโลกเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน เพราะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้กลายมาเป็นวาระเร่งด่วนของมนุษยชาติ ระบบนิเวศที่สำคัญตกอยู่ในความเสี่ยง  ข้อมูลจากองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติระบุว่า ประชากรโลกกว่า 600 ล้านคนพึ่งพามหาสมุทรเป็นแหล่งอาหารและใช้ในการประกอบอาชีพ ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยอ้อม โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา
 

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ณ วันนี้ไทยยูเนี่ยนมองว่าความยั่งยืนคือหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจและ SeaChange®  เปรียบเสมือนใบอนุญาตที่จะทำให้เราดำเนินธุรกิจได้ในโลกปัจจุบัน เราเชื่อว่าการดูแลทรัพยากรของเราด้วยความรับผิดชอบเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อเป็นแหล่งอาหารและอาชีพให้กับประชากรโลกในรุ่นต่อไป ด้วยวิสัยทัศน์ของบริษัทในการที่จะก้าวไปเป็นบริษัทอาหารทะเลที่ผู้คนทั่วโลกเชื่อถือมากที่สุด SeaChange®  2030 จะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้เราบรรลุวิสัยทัศน์นี้  สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ความเปลี่ยนแปลงที่เราช่วยกันผลักดัน จะเกิดประโยชน์ไม่เพียงแต่กับบริษัทเท่านั้น แต่คือความยั่งยืนเพื่อพวกเราทุกคน"

 

ไทยยูเนี่ยน ลุยกลยุทธ์ธุรกิจยั่งยืนทุ่ม 7.2 พันล้าน ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารทะเล

 

ไทยยูเนี่ยนตระหนักถึงสถานการณ์และความเร่งด่วนที่จะต้องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง  จึงตั้งงบประมาณ 7,200 ล้านบาท หรือกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเท่ากับกำไรสุทธิที่บริษัทได้รับในปี 2565 ทุ่มให้กับการทำกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® ไปถึงปี 2573 พร้อมตั้งเป้าหมายที่ท้าทายเพื่อมุ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับห่วงโซ่มูลค่าธุรกิจอาหารทะเล

นายอดัม เบรนนัน ผู้อำนวยการกลุ่มด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “วันนี้ อุตสาหกรรมอาหารทะเลต้องลุกขึ้นมาเดินหน้าดูแลผู้คน ดูแลโลก และมหาสมุทร เราต้องลงมือทำตั้งแต่วันนี้ และด้วยกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® เรามุ่งมั่นผลักดันให้อุตสาหกรรมอาหารทะเลของโลกดีขึ้น พันธกิจที่ท้าทายขนาดนี้ต้องอาศัยพลังและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล องค์กร รวมไปถึงภาคประชาชน ที่จะช่วยกันทำให้การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นจริง วันนี้บริษัทกับพันธมิตรพร้อมแล้วที่จะขอให้ทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมอาหารทะเลทั่วโลกหันมาร่วมกันทำให้โลกของเรายั่งยืน”


SeaChange® 2030 เป็นการต่อยอดและก้าวกระโดดจากกลยุทธ์ความยั่งยืนของบริษัทที่ประกาศครั้งแรกในปี 2559 และครั้งนี้ไทยยูเนี่ยนประกาศพันธกิจเพื่อความยั่งยืนทั้งสิ้น 11 ข้อ ที่ครอบคลุมการดูแลทั้งผู้คนและโลก โดยสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติถึง 10 ประการด้วยกัน โดยพันธกิจทั้ง 11 ข้อของไทยยูเนี่ยน ได้แก่

 

 

ไทยยูเนี่ยน ลุยกลยุทธ์ธุรกิจยั่งยืนทุ่ม 7.2 พันล้าน ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารทะเล

 

  • เส้นทางสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์: ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 42 เปอร์เซ็นต์ในขอบเขตที่ 1, 2 และ 3 ภายในปี 2573 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2593
  • การทำประมงอย่างรับผิดชอบ: 100 เปอร์เซ็นต์ของอาหารทะเลที่จับจากธรรมชาติจะผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ หรือมาจากโครงการปรับปรุงการประมง โดยมีแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศด้านแรงงาน และขยายขอบเขตการทำงานมากกว่าวัตถุดิบปลาทูน่าไปยังสัตว์น้ำอื่น ๆ 
  • การเพาะเลี้ยงสัตว์อย่างรับผิดชอบ: กุ้งเพาะเลี้ยงทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ของเรา จะต้องผลิตขึ้นโดยส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน้อยที่สุด และสอดคล้องกับแนวปฏิบัติด้านสวัสดิการและสภาพการทำงานของอุตสาหกรรมอาหาร
  • การฟื้นฟูระบบนิเวศ: ไทยยูเนี่ยนจะสนับสนุนงบประมาณ 250 ล้านบาท (มากกว่า 7 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศสำคัญ
  • เกษตรกรรมที่มีความรับผิดชอบ: 100 เปอร์เซ็นต์ของวัตถุดิบถั่วเหลืองและน้ำมันปาล์มจะได้รับการรับรองว่าปราศจากการตัดไม้ทำลายป่า  ส่วนวัตถุดิบไก่จะได้รับการจัดหาอย่างมีความรับผิดชอบ
  • กระบวนการผลิตที่เป็นเลิศ: ไทยยูเนี่ยนจะปรับปรุงระบบภายในโรงงานเพื่อลดการปล่อยน้ำเสียเป็นศูนย์ ลดของเสียฝังกลบเป็นศูนย์ และลดการสูญเสียอาหารเป็นศูนย์ ในโรงงานหลักห้าแห่งทั้งในและต่างประเทศ
  • งานที่ปลอดภัย มีคุณค่า และเท่าเทียม: ไทยยูเนี่ยนยังคงเดินหน้าสร้างสถานที่ทำงานที่ปลอดภัย มีคุณค่า ยอมรับความแตกต่างและหลากหลาย มีความเท่าเทียม ให้กับพนักงานทุกคนและยังขยายผลให้ครอบคลุม:

       o    50 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริหารองค์กรเป็นผู้หญิง
       o    100 เปอร์เซ็นต์ของเรือประมงที่จัดหาวัตถุดิบให้บริษัทจะต้องป้องกันไม่ให้เกิดการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม และไม่มีแรงงานทาสสมัยใหม่
       o    100 เปอร์เซ็นต์ของฟาร์มสัตว์น้ำที่จัดหาวัตถุดิบให้บริษัทจะต้องดำเนินการตามแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศด้านแรงงาน

  • การลดขยะพลาสติกในทะเล: ไทยยูเนี่ยนจะจัดการขยะพลาสติก 1,500 ตันไม่ให้ปนเปื้อนสู่แม่น้ำลำคลองและทะเล 
  • โภชนาการและสุขภาพ: 100 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์ที่เก็บได้ในอุณหภูมิห้อง (เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารทะเลบรรจุกระป๋อง) ภายใต้แบรนด์ของบริษัทจะต้องยึดตามแนวทางด้านโภชนาการ และ 100 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์ที่เก็บได้ในอุณหภูมิห้องที่ออกใหม่ทั้งหมดภายใต้แบรนด์ของบริษัท จะต้องส่งเสริมโภชนาการเชิงบวกเพื่อสุขภาพที่ดี
  • บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน: ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์สินค้าของบริษัท 100 เปอร์เซ็นต์จะต้องใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนภายในปี 2568 และไทยยูเนี่ยนจะสนับสนุนให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ผลิตให้กับคู่ค้าอย่างน้อย 60 เปอร์เซ็นต์ ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน
  • การเป็นพลเมืองดีของสังคม:  ไทยยูเนี่ยนจะสนับสนุนงบประมาณจำนวน 250 ล้านบาท (มากกว่า 7 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อช่วยเหลือและตอบแทนชุมชนในพื้นที่ที่เราดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีงานบรรเทาสาธารณภัยในช่วงเวลาวิกฤตอีกด้วย

 

 

ไทยยูเนี่ยน ลุยกลยุทธ์ธุรกิจยั่งยืนทุ่ม 7.2 พันล้าน ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารทะเล

 

การบรรลุเป้าหมายต่างๆ เหล่านี้ จะช่วยลดปริมาณคาร์บอน จำกัดปริมาณของเสียให้น้อยที่สุด รวมถึงป้องกันและฟื้นฟูระบบนิเวศ และเพื่อให้มั่นใจว่าจะทำให้เกิดงานที่ปลอดภัย มีคุณค่าและเท่าเทียม ให้เกิดขึ้นจริงตลอดห่วงโซ่มูลค่า ซึ่งจะทำให้โลกของเราน่าอยู่ขึ้น


ไทยยูเนี่ยนได้ร่วมมือกับองค์กรด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมระดับโลกในการประกาศกลยุทธ์ความยั่งยืนในครั้งนี้ ในฐานะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม พร้อมผนึกภาคีกับผู้ประกอบการหลายพันรายในภาคประมงและภาคการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเรือประมงและฟาร์มสัตว์น้ำ องค์กรพันธมิตร ได้แก่ Sustainable Fisheries Partnership, Aquaculture Stewardship Council, The Nature Conservancy, IDH – the Sustainable Trade Initiative,และ The Global Ghost Gear Initiative

 

ไทยยูเนี่ยน ลุยกลยุทธ์ธุรกิจยั่งยืนทุ่ม 7.2 พันล้าน ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารทะเล

 


นอกจากนี้ บริษัทยังกำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ให้สอดคล้องกับแนวทางขององค์กร Science Based Targets initiative (SBTi) และจะเริ่มใช้การเก็บข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายให้ได้  ไทยยูเนี่ยนเป็นบริษัทอาหารทะเลระดับโลกบริษัทแรกที่กำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยได้รับการรับรองจากองค์กร SBTi นับเป็นก้าวสำคัญเพื่อช่วยอุตสาหกรรมให้เกิดความยั่งยืน


ทั้งนี้ ไทยยูเนี่ยนได้ประกาศกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange® ครั้งแรกเมื่อปี 2559 ซึ่งเป็นกรอบการทำงานด้านความยั่งยืนที่ทำให้บริษัทได้รับการยอมรับในระดับสากล รวมถึงการได้รับการจัดอันดับในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ถึง 9 ปีติดต่อกันและเป็นอันดับ 1 ในประเภทผลิตภัณฑ์อาหารถึง 3 ปีด้วยกัน นอกจากนี้บริษัทยังได้รับการจัดอันดับจากดัชนี Seafood Stewardship Index เป็นอันดับที่ 1 สำหรับการทำงานตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยองค์การสหประชาชาติ   


สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange®  2030  สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ seachangesustainability.org.