ข่าว

'เศรษฐา ทวีสิน' ฉายา เจ้าพ่อ Sold out ขายบ้าน 100 ล้านหมดเกลี้ยง ก่อนเป็นนายกฯ

'เศรษฐา ทวีสิน' ฉายา เจ้าพ่อ Sold out ขายบ้าน 100 ล้านหมดเกลี้ยง ก่อนเป็นนายกฯ

23 ส.ค. 2566

'เศรษฐา ทวีสิน' เจ้าของฉายา เจ้าพ่อ Sold out สร้างประวัติศาสตร์ในวงการขายบ้านหรูราคา 50-100 หมดเกลี้ยงภายใน 1 เดือน ก่อนสละเก้าอี้ CEO บ.แสนสิริ มาคว้าเก้าอี้นายกฯ คนที่ 30

"เศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ไม่ผิดจากนี้เป็นแน่ เพราะมีการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ "เศรษฐา ทวีสิน" แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วนั้น

 

 

เศรษฐา ทวีสิน

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ดำเนินการจัดทำเอกสารเพื่อให้ประธานรัฐสภาลงนามเพื่อกราบบังคมทูลผลการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อได้ทราบข่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงลงนามโปรดเกล้าฯ แล้วนั้น ในช่วงเช้าวันนี้ (23 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จะไปรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ มายังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อประทับตราพระราชลัญจกรแล้วนำพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ กลับมายังสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

 

ต้องบอกว่าก่อนที่  "เศรษฐา ทวีสิน" จะกลายเป็นนายกฯคนที่ 30 ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งเป็น CEO บริษัท แสนสิริ "เศรษฐา ทวีสิน" ก็เป็นเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์มาก่อน โดยก่อนที่เขาจะเบนเข็มทิศชีวิตลงเล่นการเมือง "เศรษฐา ทวีสิน"  ได้สร้างประวัติศาสตร์สามารถขายบ้านหรูราคา 50 ล้านบาท ขึ้นไปหมดภายใน 1 เดือนจนได้รับฉายาว่าเป็น เจ้าพ่อ Sold Out

 

 

สำหรับแวดวงตลาดคอนโดและบ้านหรูต้องบอกว่า บ.แสนสิริ คือผู้นำในแวดวงนี้ ซึ่งเวลาเพียงไม่นานก่อน "เศรษฐา ทวีสิน" จะเข้าสู่เส้นทางการเมืองเขาได้ทุบหน้าประวัตศาสตร์แห่งวงการอังหาริมทรัพย์ โดยการขาบ้านหรู  โครงการนาราสิริ กรุงเทพฯกีฑา มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท  เป็นบ้านระดับ LUXURY ที่มี ราคา50- 100 ล้านบาท ให้กลายเป็นโครงการที่ขายดีที่สุด และปิดการขายได้เพียง 1 เดือนเท่านั้น  ส่งผลให้ปี 2565 บ.แสนสิริมีกำไร 4,280 ล้านบาท  สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่เคยมีมา และทำให้สามารถปัญผลแก่ผู้ถือหุ้นแบบงามๆ  ทั้งนี้รายได้ บ.แสนสิริในปี 2566 ในไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 9,546 ล้านบาทเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า  77%

แม้ว่าที่ผ่านมา "เศรษฐา ทวีสิน" จะเจอมรสุม ข้อครหามากมายแต่ที่ผ่านมาเจ้าตัวไม่เคยจะออกมาตอบโต้ใดๆ จนกระทั้งเกิดการ แฉเพื่อชาติ จากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ที่ท้ายที่สุดแล้ว เศรษฐา ทวีสิน ต้องแถลงการผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง และความบริสุทธิ์ของ บ.แสนสิริ โดยเจ้าตัวยืนยันว่า บ.แสนสิริ และตัวเขาเองทำธุรกิจด้วยคววามสุจริต ถูกต้องตามกฎหมายทุกครั้งตอน จนท้ายที่สุดวานนี้ (22 ส.ค.) หลังจากที่ รัฐสภามีการโหวตนายกรัฐมนตรีรอบที่ 3 โดยพรรเพื่อไทยได้เสนอ เศรษฐา ทวีสิน เข้าชิง เจ้าตัวก็ได้รับคะแนนโหวตทั้งจาก สส. และสว. แลลผ่านฉลุย นับจากนี้คงต้องจับตาต่อว่า เจ้าพ่อ Sold out แห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ จะกลายเป็นตัวพ่อในสนามการเมือง และสามารถขับเคลื่อนประเทศไทยไปตามเจตนารมย์ และนโยบายที่เคยตั้งใจเอาไว้หรือไม่

 

 

 

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา "เศรษฐา ทวีสิน" อาจจะไม่ค่อยมีบทบาทในสนามการเมืองเท่าไหร่ แต่รู้หรือไม่ว่าในการชุมนุมปี 2556–2557 นายเศรษฐา แสดงความไม่เห็นด้วยกับพฤติการณ์ของ กปปส. ต่อมาหลังรัฐประหารปี 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ออกคำสั่งเรียกให้เขาไปรายงานตัว ณ หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์ หลังจากนั้นเมื่อเกิดการระบาดของโควิด-19 และการประท้วง นายเศรษฐา ได้วิจารณ์การบริหารสถานการณ์ดังกล่าวของรัฐบาล