'สทนช.' คาดน้ำกักเก็บเหลือร้อยละ 55 ออก 9 มาตรการ รับมือ - ชงครม.รับทราบ
เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ "สทนช." ระบุ ผลพวงปรากฏการณ์ "เอลนีโญ " ฝนตกน้อยตั้งแต่ต้นปี จนถึงปัจจุบันต่ำกว่าค่าปกติ 21% หากไม่มีพายุพาดผ่าน จะมีปริมาณน้ำใช้การ แหล่งน้ำขนาดใหญ่ เหลือร้อยละ 55 ของปริมาณกักเก็บ รุกออกมาตรการรองรับมือฤดูแล้ง 2566/67
ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมสัมมนาถอดบทเรียน การติดตามประเมินผลการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2565/66 และการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ เอลนีโญ ที่ สทนช. ร่วมกับคณะกรรมการลุ่มน้ำ เครือข่ายองค์กรผู้ใช้น้ำ นักวิชาการ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจาก 7 กระทรวง รวม 31 หน่วยงาน ผู้ทรงคุณวุฒิจากทั่วประเทศ เกษตรกร จัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้ทราบปัญหาและอุปสรรคในการบริหารทรัพยากรน้ำ ซึ่งสทนช. จะนำมาวิเคราะห์เพื่อวางแผนในการเตรียม ความพร้อมและวางมาตรการรองรับฤดูแล้งปี 2566/67 ตลอดจนใช้เป็นกรอบแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำแล้งปีถัดไป
สถานการณ์น้ำในปี 2566 จะแตกต่างจากปีที่ผ่านมา โดยในปี 2565 ประเทศไทยอยู่ภายใต้ปรากฏการณ์ "ลานีญา" ฝนตกค่อนข้างมาก ทำให้ในฤดูแล้งปี 2565/66 มีปริมาณน้ำต้นทุนที่ใช้การได้ในแหล่งเก็บน้ำขนาดใหญ่ 38 แห่งทั่วประเทศ รวมกันมากถึง 35,853 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ในขณะที่ปี 2566 เกิดปรากฏการณ์ เอลนีโญ ทำให้ฝนตกน้อยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันต่ำกว่าค่าปกติถึง 21% หากไม่มีพายุพาดผ่าน สทนช. คาดว่า ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 จะมีปริมาณน้ำใช้การในแหล่งน้ำขนาดใหญ่รวมเพียง 26,142 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 55 ของปริมาณกักเก็บ น้อยกว่าปีที่แล้วถึง 11% ดังนั้นในฤดูแล้งปี 2566/67 จะต้องปรับแนวทางมาตรการรองรับฤดูแล้ง ให้เหมาะสมเข้ากับสถานการณ์น้ำที่เป็นปัจจุบัน
จากการถอดบทเรียนการติดตามประเมินผลการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2565/66 ดังกล่าว ผนวกกับสถานการณ์ "เอลนีโญ"ที่เกิดขึ้น ได้นำไปสู่การจัดทำร่างมาตรการรับมือฤดูแล้งปี 2566/67 ซึ่งมี 9 มาตรการด้วยกัน ประกอบด้วย
- เฝ้าระวังและเตรียมจัดการแหล่งน้ำสำรอง วางแผนเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือในพื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงขาดแคลนน้ำ พร้อมจัดทำระบบฐานข้อมูลกลางมีมาตรฐานเพื่อใช้ในการบริหารจัดการพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่เกิดเหตุ
- ปฏิบัติการเติมน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ให้ได้ปริมาณน้ำสำรองมากที่สุด นำน้ำใต้ดินมาใช้แก้ปัญหาในพื้นที่ขาด แคลนน้ำ ซึ่งน้ำใต้ดินมีปริมาณมากถึง 40,000 ล้าน ลบ.ม.
- กำหนดแผนจัดสรรน้ำและพื้นที่เพาะปลูกฤดูแล้งให้สอดคล้องกับสถานการณ์เอลนีโญ ควบคุมการเพาะปลูกข้าวนาปรัง สร้างการรับรู้ ให้กับเกษตรกร พร้อมเตรียมน้ำสำรองสำหรับพื้นที่ลุ่มต่ำรับน้ำนอง
- จัดสรรน้ำให้เป็นไปตามลำดับความสำคัญที่คณะกรรมการลุ่มน้ำกำหนด เพื่อรองรับสถานการณ์เอลนีโญ
- เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ ส่งเสริมพืชใช้น้ำน้อยในภาคการเกษตร ประหยัดการใช้น้ำของหน่วยงานภาครัฐ เอกชนและประชาชน พร้อมทั้งส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมจัดการน้ำเสียตามหลัก 3R
- เฝ้าระวังและแก้ไขคุณภาพน้ำ
- เสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการบริหารจัดการน้ำชุมชนและองค์กรผู้ใช้น้ำ
- สร้างการรับรู้ประชาชนสัมพันธ์
- ติดตาม ประเมินผลการดำเนินงาน
ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)
ขณะเดียวกันต้องเร่งสร้างความร่วมมือ เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานในการบริหารจัดการน้ำให้มากขึ้น ตลอดจนปรับปรุงวิธีการอนุมัติงบประมาณให้ความช่วยเหลือให้รวดเร็วขึ้น สร้างเครือข่ายองค์กรผู้ใช้น้ำให้ครอบคลุมพื้นที่ลุ่มน้ำ นำเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมาประยุกต์ใช้ เพื่อการบริหารจัดการน้ำสัมฤทธิ์ผลครอบคลุมทุกพื้นที่ ที่สำคัญได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนบริหารจัดการน้ำล่วงหน้า 2 ปี ให้ครอบคลุมตั้งแต่ฤดูฝนปีนี้ ฤดูแล้งปี 2566/67 ฤดูฝนปี 2567 จนถึงฤดูแล้งปี 2567/68 ด้วย เพื่อที่จะเตรียมสำรองน้ำให้เพียงพอกับความต้องการรองรับสถานการณ์น้ำเอลนีโญที่จะเกิดขึ้น
" จากร่างมาตรการรองรับฤดูแล้งปี 2566/67 สทนช. จะนำเสนอต่อคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ เพื่อออกเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าจะมีน้ำเพื่อการอุปโภค- บริโภคเพียงพอตลอดทั้งปี อย่างไรก็ตามต้องขอความร่วมมือให้ทุกภาคส่วนใช้น้ำอย่างประหยัด ช่วยกันขับเคลื่อนมาตรการในช่วงฤดูฝนนี้ให้เต็มที่ก่อนเข้าฤดูแล้ง ซึ่งจะสามารถผ่านสถานการณ์ภัยแล้งไปได้อย่างแน่นอน " ดร.สุรสีห์ กล่าว
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) คาดการณ์ว่าปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งทำให้ฝนตกน้อยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ต่ำกว่าค่าปกติถึง 21% ทั้งนี้หากไม่มีพายุพาดผ่าน คาดว่า ณ วันที่ 1 พ.ย.66 จะมีปริมาณน้ำใช้การในแหล่งน้ำขนาดใหญ่รวมเพียง 26,142 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 55 ของปริมาณกักเก็บ
.