สรุปไทม์ไลน์ 'รถไฟฟ้าสายสีชมพู' รางนำไฟฟ้า ขัดข้อง ไม่ใช่ครั้งแรก
สรุปไทม์ไลน์ 'รถไฟฟ้าสายสีชมพู' เมื่อเหตุ รางนำไฟฟ้า ขัดข้อง ไม่ใช่ครั้งแรก ประชาชน ถามหาความปลอดภัย หรือจะกลายเป็น ฝันสลาย สายสีชมพู
เหตุราง “รถไฟฟ้าสายสีชมพู” ร่วงตกใส่รถได้รับความเสียหายหลายคัน ในช่วงเช้ามืด 24 ธ.ค. 2566 สร้างความอกสั่นขวัญแขวน ให้กับประชาชนผู้สัญจรไปมา ต้องถามหาความปลอดภัย หาก ณ เวลานั้น มีประชาชนอยู่บนขบวนรถไฟฟ้า จะเป็นเช่นไร “รถไฟฟ้าสายสีชมพู” หรือ เจ้านมเย็น เพิ่งเปิดการทดลองเดินรถได้เพียง 1 เดือน และจะเริ่มเปิดใช้บริการจริงอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค. 2567 แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะกลายเป็น “ฝันสลาย สายสีชมพู” หรือไม่
“รถไฟฟ้าสายสีชมพู” เป็นโครงการระบบขนส่งมวลชนรอง ในพื้นที่กรุงเทพมหานครฝั่งเหนือ ตลอดจนถึงพื้นที่ของ จ.นนทบุรี มีบริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ โดยได้รับสัญญาสัมปทานจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ดำเนินการในรูปแบบรถไฟฟ้ายกระดับแบบรางเดี่ยว หรือ โมโนเรล เริ่มก่อสร้างปี 2559 ก่อนหยุดการก่อสร้างไประยะหนึ่ง เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563–2564
ปัจจุบัน รถไฟฟ้าสายนี้ มีระยะทางรวม 34.5 กิโลเมตร มีแนวเส้นทางเริ่มต้นที่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี ซึ่งเป็นสถานีเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม จากนั้น วิ่งขึ้นไปทางแยกปากเกร็ด แล้วเบี่ยงไปทางทิศตะวันออก ผ่านสถานีเมืองทองธานี แนวเส้นทางจะถูกแยกออกเป็นสองสาย โดยถือเป็นระบบขนส่งมวลชนทางรางสายแรกในประเทศไทย ที่มีเส้นทางสายสาขา (branch line) ให้บริการ
สายหนึ่งมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก ตามแนวถนนแจ้งวัฒนะ และถนนรามอินทรา จนถึงสถานีตลาดมีนบุรี แนวเส้นทางจะเบี่ยงลงไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อไปสิ้นสุดเส้นทางที่สถานีมีนบุรี ซึ่งเป็นสถานีเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีส้ม อีกสายหนึ่ง จะวิ่งย้อนกลับไปทางแยกปากเกร็ด ก่อนเบี่ยงเข้าสู่ซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 39 เพื่อเข้าสู่พื้นที่ใจกลางเมืองทองธานี อันเป็นชุมชนหนาแน่น และสิ้นสุดเส้นทางที่สถานีทะเลสาบเมืองทองธานี บริเวณภายในศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี มีสถานีเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าเส้นอื่นๆ จำนวน 4 สถานี ได้แก่ สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี เชื่อมต่อกับสายฉลองรัชธรรม สถานีหลักสี่ เชื่อมต่อกับสายธานีรัถยา สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ เชื่อมต่อกับสายสุขุมวิท และสถานีมีนบุรี เชื่อมต่อกับสายสีส้ม
รูปแบบของ รถไฟฟ้าสายสีชมพู
เป็นระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว แบบวางคร่อมราง (straddle-beam monorail) ทางวิ่ง ยกระดับที่ความสูง 17-20 เมตร โดยเฉลี่ยตลอดทั้งโครงการ ยกเว้นช่วงสถานีศรีรัช สถานีหลักสี่ สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ และสถานีมีนบุรี ยกสูง 5 เมตร และช่วงข้ามทางพิเศษฉลองรัชยกสูง 27 เมตร ซึ่งเป็นระดับความสูงที่สูงสุดของโครงการ ส่วนคานรองรับทางวิ่ง (Guideway Beam) เป็นคอนกรีตหล่อสำเร็จ ควบคู่กับการใช้เหล็กหล่อในบางช่วง มีความกว้าง 69 เซนติเมตร สูง 2 เมตร มีรางที่ 3 ตีขนานไปกับรางวิ่งสำหรับจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับตัวรถ
การรอคอยของประชาชนย่านมีนบุรี-เมืองนนท์ ที่จะได้ใช้งาน “รถไฟฟ้าสายสีชมพู” สิ้นสุดลง เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2566 เพราะได้เริ่มเปิดให้สาธารณชนทดลองใช้งานฟรี ก่อนที่จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ แบบเก็บค่าโดยสาร ในวันที่ 3 ม.ค. 2567 เรียกได้ว่าผ่านการทดลองใช้ไปเพียง 1 เดือน ก็ทำนิวไฮ มีผู้โดยสารใช้บริการทะลุ 1 แสนคน เป็นครั้งแรก หนุนยอดใช้ระบบรางทุบสถิติเฉียด 2 ล้านคน
แต่ช่วงเช้ามืด 24 ธ.ค. 2566 ก็เรียกได้ว่า แทบจะอวสาน ฝันสลาย สายสีชมพู กันเลยทีเดียว เมื่อเกิดเหตุรางรถไฟฟ้า ร่วงหล่นลงมา เป็นระยะทางยาว 3 กิโลเมตร ทับรถยนต์ได้รับความเสียหายหลายคัน ดัน #รถไฟฟ้าสายสีชมพู ขึ้นเทรนด์ X (ทวิตเตอร์) ทันที ประชาชนถามหาความปลอดภัย
นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง(ขร.) ตรวจสอบสาเหตุเบื้องต้นพบว่า เป็นเหตุรางนำไฟฟ้า(Conductor rail) ที่เป็นตัวจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับรถไฟฟ้าสายสีชมพู หลุดร่วงจากทางวิ่งลงชั้นพื้นถนน ซึ่งไม่ใช่รางรถไฟฟ้า ส่งผลกระทบต่อการให้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ตั้งแต่สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (PK01) ถึง สถานีเลี่ยงเมืองปากเกร็ด (PK07) ไม่สามารถเปิดให้บริการได้
นับตั้งแต่การเปิดทดลองการเดินรถมา รถไฟฟ้าสีชมพูขัดข้องในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกขัดข้องเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2566 ด้วยสาเหตุรางนำไฟฟ้ามีปัญหาที่สถานีหลักสี่ ฝั่งมุ่งหน้าปลายทางมีนบุรี แก้ไขใช้เวลารวม 17 นาที โดยรางนำไฟฟ้านี้ เคยเป็นสาเหตุที่ทำให้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ขัดข้องมาแล้วในช่วงทดลองเปิดบริการเช่นกัน
ความปลอดภัยในชีวิตอยู่ไหน? เป็นคำถามที่เกิดขึ้นจากประชาชน แม้ข้อเท็จจริง รางที่ร่วงหล่นลงมา จะเป็น รางนำไฟฟ้า ไม่ใช่ รางรถไฟฟ้า ที่เกิดจากระบบขัดข้องก็ตาม แต่หลายอย่างสะท้อนถึงความบกพร่อง ที่อาจเอาชีวิตประชาชนเป็นเดิมพันหรือไม่