ท้องไม่พร้อม & คนพร้อมไม่ท้อง
ท้องไม่พร้อม&คนพร้อม ไม่ท้อง เร่งคุมกำเนิด-แม่วัยใส เกินมาตรฐานโลก โดย... ปาริชาติ บุญเอก [email protected]
ปัญหาด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ของประเทศไทยยังไม่หมดไป เพราะว่า “คนท้องไม่พร้อม” ส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ประเทศไทยมี ‘วัยรุ่นท้องไม่พร้อม’ มากถึงร้อยละ 15 เกินกว่าค่ามาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ คือไม่เกินร้อยละ 10 ซึ่งจะส่งผลต่ออนาคตของเด็กและเยาวชนที่เกิดมาในหลายมิติ ขณะที่ “คนพร้อมไม่ท้อง” ผู้ที่มีความพร้อมทั้งวัยวุฒิและฐานะมักไม่ค่อยมีบุตร
สถิติจากองค์การอนามัยโลกพบว่ามีหญิงตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์กว่า 33 ล้านคนต่อปี สาเหตุหลักเกิดจากปัญหาการคุมกำเนิดที่ผิดพลาด ไม่มีความรู้ ดังนั้นการส่งเสริมความรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) และสร้างความความตระหนักให้แก่ประชาชนจึงเป็นสิ่งสำคัญให้เกิดการวางแผนครอบครัวที่ถูกต้องและมีคุณภาพ
เมื่อวันที่ 26 กันยายน สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย ร่วมกับสมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สวท.) และบริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด จัดแถลงข่าวเนื่องในวันคุมกำเนิดโลก 2562 (World Contraception Day 2019) ภายใต้แนวคิด “Power of Options…อนาคตที่เราเลือกได้” เพื่อสร้างความตระหนักให้วัยรุ่นเห็นความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องการคุมกำเนิด เพื่อวางแผนอนาคตและสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการรณรงค์เพื่อลดปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ที่มีมาอย่างต่อเนื่องในประเทศร่วมกับนานาชาติ
จากข้อมูลของกรมอนามัยปี 2561 พบว่าการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นโดยเฉพาะเพศหญิงอายุ 10-19 ปี คลอดบุตรรวมทั้งสิ้น 72,566 คน หรือเฉลี่ย 199 คนต่อวัน ลดลงจากในปี 2560 ซึ่งอยู่ที่ 84,578 คน หรือเฉลี่ย 232 คนต่อวัน ส่วนการคลอดซ้ำของหญิงอายุ 10-19 ปีในปี 2561 มีจำนวน 6,543 คน หรือร้อยละ 9 ลดลงจากปี 2560 ที่มีการคลอดซ้ำจำนวน 9,093 คน หรือร้อยละ 10.8 หากพิจารณาเฉพาะวัยรุ่นในช่วงอายุ 10-14 ปี พบมีการคลอดบุตร 2,385 คน ลดลงจากปี 2560 ซึ่งอยู่ที่ 2,559 คน หรือเฉลี่ยเท่ากันที่วันละ 7 คน
“เกิดน้อย”ต้องไม่ด้อยคุณภาพ
ศ.นพ.สุรศักดิ์ ฐานีพานิชสกุล นายก สวท. กล่าวว่า ปัญหาด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ของประเทศไทยยังไม่หมดไปและส่งผลกระทบเชิงสังคมที่รุนแรงต่อเนื่อง ดังที่เราได้รับรู้จากสื่อต่างๆ ว่า “คนท้องไม่พร้อม” ส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา โดยปัจจุบันประเทศไทยมีวัยรุ่นท้องไม่พร้อมมากถึงร้อยละ 15 เกินกว่าค่ามาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ คือไม่เกินร้อยละ 10 ซึ่งจะส่งผลต่ออนาคตของเด็กและเยาวชนที่เกิดมาในหลายมิติกลายเป็นประเด็นที่น่าห่วงโดยเฉพาะคุณแม่วัยใสที่ขาดความรู้ในการคุมกำเนิดอย่างถูกต้องเมื่อตั้งครรภ์
ศ.นพ.สุรศักดิ์ ฐานีพานิชสกุล
สำหรับอีกประเด็นปัญหาในปัจจุบันก็คือ “คนพร้อมไม่ท้อง” ผู้ที่มีความพร้อมทั้งวัยวุฒิและฐานะมักไม่ค่อยมีบุตร นับเป็นสิ่งที่ สวท.กังวลเช่นเดียวกัน โดยคาคว่าในปี 2562 จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่สัดส่วนผู้สูงวัยมีมากกว่าเด็กเนื่องจากเด็กเกิดใหม่ลดลงทุกปีตามสถิติในปี 2561 อยู่ที่ 666,109 คน
“นโยบายของกระทรวงสาธารณสุข คือทุกการเกิด...ต้องเกิดอย่างมีคุณภาพ หากพ่อแม่ไม่มีคุณภาพการเกิดก็จะไม่มีคุณภาพตามมา ดังนั้น สวท.จึงก็ต้องส่งเสริมให้พ่อแม่มีความพร้อมเพื่อให้เด็กมีคุณภาพ ที่ผ่านมาได้จัดกิจกรรมร่วมกับทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงเปิดช่องทาง Line : @HAPPY FAMILY By PPAT ให้ปรึกษา พูดคุย แบบส่วนตัวโดยผู้เชี่ยวชาญ” นายก สวท. กล่าว
พญ.ปานียา สูตะบุตร ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์แผนกฟาร์มาซูติคอล บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด กล่าวถึงแนวทางการรณรงค์ของทั้ง 3 องค์กรภาคี ว่าที่ผ่านมาได้จัดให้มีกิจกรรมที่หลากหลายเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย อาทิ คู่มือรอบรู้เรื่องยาเม็ดฮอร์โมนรวมภายใน 3 นาที สำหรับเภสัชกร เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับผู้ที่มารับบริการ
นอกจากนี้ยังจัดทำสื่อวิดีโอออนไลน์ผ่านทางเฟซบุ๊คแฟนเพจ “Young Love รักเป็น ปลอดภัย รวมถึงกิจกรรมต่างๆ อาทิ การเปิดช่องทางความรู้ Line@YoungLove และให้คำปรึกษาในมหาวิทยาลัย และในโรงงานอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557 ในปีนี้มีแผนจัดกิจกรรมทั้งสิ้น 60 ครั้ง แบ่งเป็นในสถานศึกษา 24 ครั้ง และโรงงาน 36 ครั้ง โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 4 หมื่นคน
คุมกำเนิดถูกวิธีป้องกันได้
นพ.กิตติพงศ์ แซ่เจ็ง ผู้อำนวยการสำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข อธิบายว่า ปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมและการทำแท้งไม่ได้มีเฉพาะวัยรุ่น แต่รวมถึงกลุ่มหญิงไทยทั่วไป และยังคงเป็นปัญหาสำคัญระดับโลก ปัจจุบันเด็กเกิดน้อยก็จริง แต่จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดจากแม่วัยรุ่น แม้ตัวเลขจะลดลงแต่เรายังพบปัญหาทอดทิ้ง ทำร้ายเด็ก และทำแท้ง ดังนั้นจึงไว้วางใจไม่ได้
สำหรับวิธีคุมกำเนิดหลัก 2 วิธี คือ “ผู้ชาย” การใช้ถุงยางอนามัย และ “ผู้หญิง” การใช้ฮอร์โมน ตั้งแต่การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด ยาฉีดคุมกำเนิด ยาฝังคุมกำเนิด ห่วงอนามัย และแผ่นแปะ โดยทุกวิธีที่ว่ามาประสิทธิภาพมากกว่า 99.99% เพียงแต่ต้องใช้อย่างถูกวิธี โดยเฉพาะยาเม็ดคุมกำเนิด ปัญหาที่พบคือการกินไม่ตรงเวลา ลืมกิน
นพ.กิตติพงศ์ แซ่เจ็ง
ส่วน “ยาคุมฉุกเฉิน” ใช้สำหรับกรณีฉุกเฉินกรณีมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกันมาก่อน หรือโดนล่วงละเมิดทางเพศ มีประสิทธิภาพเพียงแค่ 75% ปัจจุบันพบการใช้ผิดวัตถุประสงค์ คือใช้ประจำเพราะไม่อยากรับประทานยาคุมปกติ ซึ่งไม่ถูกต้อง เนื่องจากยาคุมฉุกเฉินมีฮอร์โมนค่อนข้างสูง อาจทำให้เกิดปัญหาการตกเลือด คลื่นไส้ อาเจียน ฯลฯ ดังนั้นเดือนหนึ่งควรใช้ไม่เกิน 2 ชุด
“การยุติการตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายมานานในประเทศไทย เพียงทัศนคติหลายคนอาจจะรับไม่ได้ ผู้ที่ท้องสามารถโทรมาขอคำปรึกษาจากแพทย์และพยาบาลที่ผ่านการอบรมได้ที่เครือข่าย 1663 แต่ต้องมีอายุ 15 ปีขึ้นไปเท่านั้น หากต่ำกว่านั้นต้องมีใบแสดงความยินยอมจากพ่อแม่ผู้ปกครอง” นพ.กิตติพงศ์ กล่าว
น.ส.พัชริดา สุขเจริญ
น.ส.พัชริดา สุขเจริญ อายุ 16 ปี กล่าวว่า ความรู้เรื่องอนามัยเจริญพันธุ์มีประโยชน์ต่อวัยรุ่น เพราะจะได้รู้วิธีการคุมกำเนิดที่ถูกต้อง และคนที่อยากจะมีเพศสัมพันธ์จะสามารถป้องกันได้ ลดปัญหาท้องไม่พร้อมในเด็กและวัยรุ่น หากหลีกเลี่ยงได้ก็ดีกว่า จะได้ไม่เครียดว่าจะท้องหรือเปล่า และควรโฟกัสเรื่องเรียนให้ดีที่สุด