ส่องนโยบาย “ขายฝันการศึกษา” นักการเมือง พรรคการเมือง
นักการเมือง และพรรคการเมือง หลายคนสบช่องอาศัยวันเด็กปล่อยแคปเปญ“ขายฝันการศึกษา”แต่จะเหมือน ทรงอย่างแบต เพลงฮิตติดหูน้องๆหนูๆวัยรุ่นฟันน้ำนมยันนกแก้ว ด้วยหรือไม่ ต้องติดตาม!
ใกล้ฤดูเลือกตั้งใหญ่บรรดาพรรคการเมือง นักการเมืองทยอย “ขายฝันการศึกษา” ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่านโยบายด้านการศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญในการจะเลือกหรือไม่เลือกพรรคการเมืองหรือนักการเมืองเข้าสภาของประชาชน ไม่ว่ายุคไหนก็เรียกเรดติ้งจนกลายเป็นบันไดสู่เก้าอี้ผู้แทนราษฏร หรือไปไกลกว่านั้น เป็น “รัฐมนตรี” หรือก้าวสู่จุดสูงสุดคือ“ผู้นำประเทศ”
“คมชัดลึกออนไลน์” มัดรวมนโยบายการศึกษาของพรรคการเมือง และนักการเมือง ในยกแรกหลังตลาดการเมืองกลับมาคึกคักตั้งแต่ต้นปี 2566ไล่เรียงมาจากพรรคการเมืองที่เป็นเจ้านโยบายการศึกษาที่ทำได้จริง จนถึงนโยบายการศึกษาที่เป็นเพียงแนวคิดของแกนนำพรรคการเมือง มีรายละเอียดดังนี้
ปชป.ชู นโยบาย 5 ฟรี
"อู๊ดด้า จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.)ปล่อยทีเด็ดชูนโยบาย 5 ฟรีด้านการศึกษา ผ่านกิจกรรมงานวันเด็กของพรรคในโครงการ “ฟัง-คิด-ทำ” ตอน คิด-สร้างคน
นโยบาย 5 ฟรี
- "เรียนฟรี” ที่ปชป.ได้เริ่มต้นไว้ปี 2552 สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ และมีนายจุรินทร์ เป็นรมว.ศธ.
- “รักษาฟรี” ปชป.เริ่มต้นมาตั้งแต่นายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ ในสมัยที่ดำรงตำแหน่งรมว.สธ.
- “นมโรงเรียนฟรี” ที่เริ่มต้นไว้ตั้งแต่สมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ โดยจะเดินหน้าต่อและจะขยายให้มีนมโรงเรียนฟรี 365 วัน เพื่อสร้างคน สร้างชาติต่อไปในอนาคต
- “อาหารกลางวันฟรี” ปชป.เห็นว่าจากการที่ยังมีเด็กยากจนจำนวนมาก ดังนั้นอาหารกลางวันฟรี ตั้งแต่อนุบาล ถึง ป.6 จะขยายผลเพิ่มในอนาคต
- เด็กอายุ 0-6 ขวบ ที่ทุกวันนี้มีเงินสนับสนุนแม่ 600 บาทต่อเดือน แต่ยังได้รับไม่ทั่วถึง หากปชป.ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะเดินหน้าต่อให้ได้รับแบบถ้วนหน้าทุกคน
“ก้าวไกล” ชู 20 นโยบายการศึกษาไทยก้าวหน้า
"ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" หัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดนโยบาย “การศึกษาไทยก้าวหน้า” เป็นชุดนโยบายที่ 5 จากทั้งหมด 9 ชุดนโยบาย เพื่อขับเคลื่อนภารกิจของพรรค สร้างประเทศที่ “เท่าเทียม ก้าวทันโลก ประชาชนเป็นเจ้าของ”
“ทิม พิธา” ต้องการพลิกแนวคิดเรื่องการศึกษา จาก“การศึกษาแบบอำนาจนิยม” ที่สั่งให้เด็กต้องเป็นแบบที่ผู้ใหญ่เห็นว่าดี มาเป็น“การศึกษาแบบโลกเสรี” ที่สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้เด็กมีเสรีภาพในการเรียนรู้อย่างเสมอภาคและหลากหลาย
20 นโยบายการศึกษาไทยก้าวหน้า
- เรียนฟรี อาหารฟรี มีรถรับส่ง
- ทุกโรงเรียนมีงบพอ
- โรงเรียนโปร่งใส ปราศจากทุจริต ด้านการศึกษาที่ปลอดภัย ไร้อำนาจนิยม
- ส้วมสะอาด อาคารสถานที่ปลอดภัย ซึมเศร้ามีที่ปรึกษา
- กฎโรงเรียนต้องไม่ขัดหลักสิทธิมนุษยชน
- ครูละเมิดสิทธิ พักใบประกอบทันที
- ยกเลิกตั้งแถว ใช้เวลาอัปเดตเหตุการณ์บ้านเมือง ด้านการศึกษาที่มีคุณภาพ สร้างคนให้ทันโลก
- ออกแบบหลักสูตรใหม่ เน้นทักษะที่ได้ใช้จริง
- ชั่วโมงเรียนดีมีคุณภาพ ลดคาบเรียน-การบ้าน-การสอบ
- โรงเรียน 2 ภาษา นักเรียนพูดภาษาอังกฤษได้
- เปิดข้อสอบ TCAS ย้อนหลังทั้งหมดพร้อมเฉลยทันที
- คืนครูให้นักเรียน เลิกนอนเวร ลดงานเอกสาร ยกเลิกพิธีรีตองในการประเมิน-รับแขก
- นักเรียนประเมินครู ครูประเมิน ผอ.
- งบอบรมให้ครู-โรงเรียน ตัดสินใจเองว่าจะเรียนรู้อะไร ด้านการศึกษาที่ไม่จำกัดอยู่ที่โรงเรียน ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต
- คูปองเปิดโลก สูงสุด 2,000 บาทต่อปี สำหรับเรียนรู้นอกห้องเรียน
- เรียนฟรีอาชีวะถึง ปวส. จบแล้วมีงานทำ
- แพลตฟอร์มเรียนรู้ตลอดชีวิต เรียนฟรีไม่จำกัด รับรองคุณวุฒิพร้อมระบบจัดหางาน และด้านการศึกษาที่ใกล้ชิดผู้เรียน นักเรียน-ครู-ผู้ปกครองมีส่วนร่วม ประกอบด้วย
- กระจายอำนาจให้โรงเรียน เติบโตได้ภายใต้ท้องถิ่น
- บอร์ดโรงเรียน ต้องมีตัวแทนนักเรียน
- สภาเยาวชน มาจากการเลือกตั้ง เสนอกฎหมายไปที่สภาฯได้
ชพก.ชู 1 จิตแพทย์ ต่อ 1 สถาบันการศึกษา
กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.)ยังไม่ประกาศนโยบายการศึกษาที่ชัดเจน เพียงฉายภาพรวมแนวทางการศึกษาที่เหมาะต่อยุคสมัยและอื่น ๆ ที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง คุณพ่อ คุณแม่ ทุก ๆ คน เรามาช่วยกัน
ขณะที่วรนัยน์ วาณิชกะ ที่ปรึกษานายกรณ์ จาติกวณิช เสนอนโยบาย “1 จิตแพทย์ ต่อ 1 สถาบันการศึกษา” ตั้งแต่ประถม มัธยม จนถึงมหาวิทยาลัย เพื่อแก้ปัญหาเยาวชน ที่ต้องเจอ แรงกดดันจากสังคม ครอบครัว สถาบันการศึกษา ภาวะโรคซึมเศร้า หรือแม้แต่ความคิด ความพยายามที่จะฆ่าตัวตาย
สอท.เข็นการศึกษาแบบ “รัฐสวัสดิการ”
ดร.อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.)อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ “ขายฝันการศึกษา” ผ่านโลกโซเชียลว่า การลงทุนพัฒนาเยาวชนที่ดีที่สุด คือการลงทุนด้านการศึกษา เพราะการศึกษาคือประตูสู่ความสำเร็จในการสร้างความเท่าเทียมกันของสังคม เปิดโอกาสในการยกระดับทรัพยากรมนุษย์ในภาพรวมประเทศไปพร้อมกัน ซึ่งสอดคล้องกับความคิดของนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ ที่เสนอว่า ประเทศไทยต้องกล้าเปลี่ยนระบบการศึกษาไปสู่ “รัฐสวัสดิการ” โดยเมื่อเราสามารถสร้างความเท่าเทียมด้านการศึกษาได้ ก็จะก่อเกิดระบบเศรษฐกิจ สังคม ที่มั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน และจัดสรรงบประมาณด้านการศึกษาเพิ่มเติมให้เพียงพอต่อการพัฒนาอย่างเท่าเทียมทั่วถึงโดยเร็ว รวมทั้งปฏิรูปการศึกษาประเทศกันอย่างจริงจัง เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนไทยทุกคน ทุกพื้นที่ เติบโตขึ้นเป็นพลังของชาติในอนาคตได้อย่างแท้จริง
ดูเหมือนว่า พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคไทยสร้างไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคขนาดเล็ก ยังไม่ปรากฏนโยบายด้านการศึกษาจากแกนนำพรรคการเมืองเหล่านี้เลย
...กมลทิพย์ ใบเงิน เรียบเรียง...