เบื้องหลัง จี้สภาเลื่อนพิจารณา “ร่างพ.ร.บ.การศึกษา” ในรัฐบาลสมัยหน้า
ดร.ปรีดา บุญเพลิง เปิดเบื้องหลัง จี้สภาเลื่อนพิจารณา “ร่างพ.ร.บ.การศึกษา” ยอมรับมีจุดอ่อน ซ่อนเงื่อนเอาไว้มาก สถานศึกษาไม่มีอิสระ ไม่กระจายอำนาจจริง สวนกระแสโลก แนะรื้อหลักสูตร ปั้นเด็กดีก่อนเป็นคนเก่ง ย้ำต้อง ปฏิวัติการศึกษาให้ทัดเทียมอาเซียน-โลก
ควันหลงที่ประชุมร่วมรัฐสภา พิจารณาร่างพ.ร.บ.การศึกษา เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566 เกิดเหตุสมาชิกรัฐสภาจี้สภาเลื่อนพิจารณาร่า.พ.ร.บ.ฉบับนี้ออกไปเป็นรัฐบาลสมัยหน้า เกี่ยวกับเรื่องนี้ "ดร.ปรีดา บุญเพลิง" สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคครูไทยเพื่อประชาชน ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการศึกษา เปิดเผยกับ “คมชัดลึกออนไลน์”ว่า สมาชิกรัฐสภามีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง เมื่อถึงมาตรา 14 มีการชี้จุดบกพร่องในข้อกฏหมายมากมาย แต่หลังเวลา 18.00 น.จำนวนสมาชิกรัฐสภาลดลงเรื่อยๆ
วันเดียวกันนั้น มีครู องค์กรวิชาชีพครู ครูและบุคลากรทางการศึกษา จากจังหวัดทั่วทุกภูมิภาคไปขอร้อง ส.ส. และส.ว. ไม่ให้เข้าร่วมประชุม หวังไม่ให้ร่างพ.ร.บ.การศึกษา ฉบับนี้ ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา
มาตรา9 มีเจตนาดีต้องการให้เยาวชนมีคุณภาพเป็นคนดีในอนาคต เป็นเจตนาดีของรัฐบาลที่เสนอร่างนี้ แต่ในฐานะเป็นครูมาตลอดชีวิตได้รับผลกระทบจากพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ทุกฉบับ ตั้งแต่ปี 2515 เป็นต้นมา การจัดการศึกษาไม่ตอบโจทย์ประชาชน จนกระทั่งปี2520 ครูออกมาเรียกร้องให้มีการแก้ไขได้สำเร็จในปี 2523 ต่อมาปี 2542 พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ กำหนดแท่ง หรือองค์กรเกิดขึ้นในกระทรวงศึกษาธิการ ก็เกิดปัญหาการจัดการศึกษาอีก
ความจริงการจัดการศึกษาที่ดี ควรจะกระจายอำนาจให้สถานศึกษาหรือโรงเรียนให้มีความเป็นอิสระในการบริหารอย่างแท้จริง แต่ร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ทุกฉบับมีการรวบอำนาจไว้ที่ส่วนกลาง จึงเกิดเหตุการณ์ ครู องค์กรครู องค์กรวิชาชีพครู ทั้งแผ่นดินไทยแต่งชุดดำคัดค้านร่างพ.ร.บ.การศึกษา ฉบับใหม่นี้
ครูแต่งชุดดำคัดค้านร่างพ.ร.บ.การศึกษา เพื่อขอให้มีการแก้ไขข้อบกพร่องให้ดีที่สุด เพื่อคุณภาพของเด็กและเยาวชนไทยทัดเทีบยมอาเซียนและโลก แต่วันนี้หลักสูตรการเรียนการสอนถอดวิชาประวัติศาสตร์ วิชาหน้าที่พลเมือง วิชาศีลธรรม เด็กไทยไม่ได้เรียน วันนี้เด็กแก้ไขปัญหาใช้ความรุนแรงใช้กำลัง ใช้อาวุธ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในแผ่นดินไทย สาเหตุมาจากการจัดการศึกษาที่บกพร่อง
ถ้าร่างพ.ร.บ.การศึกษา ฉบับนี้ ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาไปแล้ว มันจะเกิดผลกระทบต่อนักเรียน และเยาวชน ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ ต่อทุกๆ คน เด็กและเยาวชนของไทยจะกลายเป็น "ฆาตรกรผ่อนส่ง" คุณภาพของเด็กไม่มีทั้งคุณธรรมและจริยธรรมอย่างน่าเป็นห่วง สังคมไทยในอนาคตจะเป็นอย่างไร อยากให้สมาชิกรัฐสภาพิจารณากันให้รอบคอบในรัฐบาลสมัยหน้า ตรงไปตรงมา เพื่อเยาวชนมีคุณภาพจริงๆ ส่วนมาตราอื่นๆ ก็มีซ่อนเงื่อนอยู่
“การศึกษาเป็นเรื่องใหญ่ เป็นการวางรากฐานของประเทศ เมื่อถอดหัวใจของการสร้างพลเมืองที่ดีออกไปทั้ง 3 วิชา เราจะหล่อหลอมให้เด็กของเราเป็นคนดีก่อนคนเก่งได้อย่างไร การรื้อหลักสูตรเป็นหัวใจสำคัญ การศึกษาต้องปฏิวัติไม่ใช่การปฏิรูปแบบปะผุ ต้องมองไปถึงอนาคต ไม่ใช่ถอยหลัง และต้องยึดเด็กเป็นหัวใจสำคัญ เด็กเหมือนผ้าขาวอย่ามาแปดเปื้อน การศึกษาต้องทำให้เด็กเป็นคนดี”
...กมลทิพย์ ใบเงิน...เรียบเรียง