ศาลสมุทรปราการสั่ง 'สืบพงษ์' หยุดปฏิบัติหน้าที่อธิการบดีม.รามคำแหง
ศาลปากน้ำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ไฟเขียว 'สภามหาวิทยาลัยรามคำแหงราม' เลิกจ้าง 'สืบพงษ์ ปราบใหญ่' ได้ ชี้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที และขนของออกจากสำนักงาน
ศาลจังหวัดสมุทรปราการมีคำสั่งในคดีความทางแพ่ง นัดไต่สวนชั่วคราวกรณี มหาวิทยาลัยรามคำแหง ในฐานะโจทก์ ขอไต่สวนคุ้มครองชั่วคราว จากกรณี การใช้วุฒิการศึกษาปริญญาเอกปลอม ดำรงตำแหน่งอาจารย์มหาวิทยาลัยรามคำแหง ของ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อธิการบดี และให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ พร้อมพวก 28 คน พร้อมขนของออกจากมหาวิทยาลัย
โดยวันนี้ศาลได้ไต่สวนพยานโจทก์ได้ 2 ปาก ระหว่างไต่สวนอ้างส่งเอกสารจำนวน 19 ฉบับโดยโจทก์แถลงขอหมดพยานชั้นไต่สวนขอคุ้มครองชั่วคราวกรณีฉุกเฉินเพียงเท่านี้
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยที่ 1 นำวุฒิปริญญาเอกที่ไม่ได้รับการรับรองจากสำนักงานก.พ. สมัครเป็นพนักงานของโจทก์ตำแหน่งอาจารย์คณะศึกษาศาสตร์ จึงเป็นผู้ขาดคุณสมบัติ ไม่มีฐานเป็นพนักงาน
โจทก์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โจทก์จึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาจ้าง จึงทำให้จำเลยที่ 2 ถึง 28 หลุดพ้นจากตำแหน่งรองอธิการบดีไปตามกฎหมาย การที่จำเลยทั้ง 28 คน เข้ามาปฏิบัติหน้าที่หลังจากที่โจทก์บอกเลิกสัญญาจ้างกับจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ได้รับความเสียหาย
จึงเห็นควรนำวิธีการชั่วคราวก่อนคำพิพากษามาใช้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 254 (2 )โดยให้จำเลยทั้ง 28 คนหยุดปฏิบัติหน้าที่และขนย้ายทรัพย์สินพร้อมบริวารออกจากสำนักงานอธิการบดีอันเป็นสถานที่ปฏิบัติงานของโจทก์และรองอธิการบดีของโจทก์ตามฟ้องจนกว่าคดิจะถึงที่สุด
กรณีนี้เกิดขึ้นหลังจากที่สภามหาวิทยาลัยรามคำแหง ถอดถอน นายสืบพงษ์ ออกจากตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงและยื่นฟ้องนายสืบพงษ์และพวก เนื่องจากนายสืบพงษ์มีคุณสมบัติต้องห้ามตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยรามคำแหง ว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้บริหาร พ.ศ. 2562 ซึ่งมีผลทันที
โดยระบุพฤติการณ์ ได้แก่ 1. ใช้วุฒิการศึกษาปริญญาเอกที่ไม่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ในการสมัครเข้าบรรจุเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ตำแหน่งอาจารย์คณะศึกษาศาสตร์
จากการตรวจสอบวุฒิการศึกษาปริญญาเอกของ ผศ.สืบพงษ์ ปรากฏว่า "ไม่พบข้อมูลระดับปริญญาเอก" ตามหนังสือลับจากสำนักงาน ก.พ. ลงวันที่ 10 ส.ค. 2565 จึงเป็นที่มาของการฟ้องศาลในครั้งนี้