'ดร.เอ้สุชัชวีร์' แท็กทีมประชาธิปัตย์ แถลงจุดยืน 'นโยบายการศึกษา'
'ดร.เอ้สุชัชวีร์' แท็กทีมปชป.แถลงจุดยืน 'นโยบายการศึกษา' ชู 4 แนวคิดเปลี่ยนการศึกษา สู่ 7 เป้าหมายคุณลักษณะที่ดีของเด็กและเยาวชน เพื่อสร้างคน นำไทยหลุดพ้นจากกับดักประเทศกำลังพัฒนา
ที่พรรคประชาธิปัตย์ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะกรรมการคณะทำงานนโยบายกรุงเทพมหานครและหัวหน้าทีมการศึกษาทันสมัยพรรคประชาธิปัตย์ร่วมด้วย นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นายชยพงศ์ สายฟ้า และ นายพลีธรรม ตริยเกษม คณะทำงานทีมการศึกษาทันสมัย ได้ร่วมกันแถลงจุดยืนด้านนโยบายการศึกษาทันสมัยของพรรคประชาธิปัตย์
โดย ดร. สุชัชวีร์ แถลงว่า การศึกษานั้นเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาคนและเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของคนไทยถือเป็น DNA ของพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด นโยบายทางการศึกษาจึงเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ พรรคมีความมุ่งมั่นที่จะให้ประชาชนได้รับการศึกษาคุณภาพทุกช่วงวัยอย่างทั่วถึง เท่าเทียมและเป็นธรรม โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายผ่านนโยบายการสร้างคนคุณภาพด้วยนโยบายการศึกษาเพื่อให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักของประเทศกำลังพัฒนาให้ได้”
แนวทางพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีคุณลักษณะที่ดี 7 ประการ ได้แก่
ประการแรก การมีสุขภาพดี ดังที่จะเห็นได้จากผลงานของพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นผู้ริเริ่มและดำเนินการนโยบายเพื่อพัฒนาสุขภาพมาโดยตลอด ทั้งนโยบายนมโรงเรียนฟรี 365 วัน ที่จะยังคงส่งเสริมและดำเนินการต่อไปเพื่อเป้าหมายการเพิ่มความสูงเฉลี่ยของเด็กไทยที่เพิ่มขึ้น หรือ นโยบายอาหารเช้าและอาหารกลางวันฟรีเพื่อส่งเสริมการพัฒนาสุขภาพที่ดีขึ้นของเยาวชนผ่านโภชนาการของเด็กและเยาวชนไทย
ประการที่ 2 คือ การมีคุณธรรม
ประการที่ 3 คือ ส่งเสริมคุณลักษณะความมีวินัยและมีจิตสาธารณะ เพิ่มทักษะการคิดวิเคราะห์ และคุณลักษณะ
ประการที่ 4 คือการส่งเสริมกระบวนการคิดวิเคราะห์ตั้งแต่อนุบาล
ประการที่ 5 คือ คุณลักษณะในการเพิ่มทักษะทางภาษา
ประการที่ 6 เน้นการเสริมสร้างทักษะชีวิต
ประการที่ 7 ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญที่พรรคต้องการส่งเสริมคือทักษะของการใช้เทคโนโลยี โดยย้ำว่า “คุณลักษณะนี้ถึงแม้จะอยู่ในประการ
"สุดท้ายแต่มีความสำคัญเทียบเท่าและแทบเป็นนโยบายอันดับหนึ่ง เพราะไม่มีชนชาติใดในโลกที่จะสามารถร่ำรวยและพัฒนาได้โดยไม่พึ่งพาเทคโนโลยี ซึ่งเป็นหัวใจที่พรรคประชาธิปัตย์จะสร้างและพัฒนาให้เกิดขึ้นในประเทศไทย”
การเปลี่ยนการศึกษาไทย ด้วย 4 เปลี่ยน
เปลี่ยนที่ 1 คือการ ‘เปลี่ยนการเรียนรู้แบบเดิม’ เป็น ‘การดึงศักยภาพของแต่ละคน’ เพื่อให้เยาวชนไทยมีการจบปริญญาตรีที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าสถิติผู้จบปริญญาตรีในอดีตซึ่งถ้าเทียบเป็นจำนวนยังถือว่าเป็นอัตราที่ต่ำมาก
เปลี่ยนที่ 2 คือการ ‘เปลี่ยนความเข้าใจ’ ในเรื่องของสิทธิ เสรีภาพ หน้าที่ และความรับผิดชอบให้ถูกต้อง ด้วยหลักสูตรส่งเสริมการศึกษาเพื่อสร้างพลเมือง ( Civic Education )
เปลี่ยนที่ 3 คือ ‘เปลี่ยนมาให้ความสำคัญ’ กับการพัฒนาเด็กเล็กวัย 0-6 ปี เพื่อเตรียมความพร้อมของสมอง และร่างกาย
เปลี่ยนที่ 4 เปลี่ยน ‘สุดท้าย’ เพื่อสร้างการศึกษาที่ส่งเสริมสภาพเศรษฐกิจ ผ่านนโยบายเรียนปริญญาตรีฟรีในสาขาที่ตลาดแรงงานต้องการ เพื่อสร้างความสมดุลทางตลาดแรงงานที่ไม่ใช่การส่งเสริมเพียงแค่อาชีพหมอ หรือ วิศวะ่ มีอีกหลากหลายสาขาอาชีพที่ขาดแคลนเช่น นักการตลาดดิจิทัล ครูแนะแนว หรือ บุคลากรวิชาชีพสายสังคมศาสตร์ และ ศิลปศาสตร์
นโยบายมาตรการการลดภาษี ให้เอกชนจ้างงานนักศึกษาหนึ่งล้านอัตราเพื่อสนับสนุนให้เกิดการจ้างงานให้นักศึกษาหนึ่งล้านอัตรา เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างงาน และ สร้างเงิน สร้างรายได้ให้กับนักศึกษา เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์และทักษะระหว่างเรียน
นางดรุณวรรณ กล่าวเสริมว่า นโยบาย CODING ปชป.ได้ผลักดันหลักสูตร CODING ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์การปฏิรูปการศึกษาโดยตรงถึงเยาวชนไทยของพรรคประชาธิปัตย์เพื่อผลักดันการเรียนการสอน ในทิศทางที่นำไปสู่การคิดวิเคราะห์และสร้างทักษะ เพื่อใช้ในการดำเนินชีวิตอย่างมีเหตุมีผล คิดเป็นขั้นเป็นตอน เเก้ปัญหาเป็น เตรียมคนสำหรับศตวรรษที่ 21 อย่างรู้เท่าทันดิจิทัล โดยประเทศไทยได้เริ่มสอนเรื่อง การเรียน CODING โดยไม่ใช้คอมพิวเตอร์ (Unplugged CODING) ในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา อย่างจริงจัง
ตั้งแต่เทอม 2 ของปี 2562 เพื่อให้นักเรียนเข้าใจถึงลำดับการดำเนินการ ความเชื่อมโยงของเหตุและผล การใช้เหตุผล เพื่อให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ ทำงานร่วมกับผู้อื่น และมีความรับผิดชอบ และได้มีการอบรมครูภายใต้โครงการ CODING for Teacher ไปแล้วมากกว่า 400,000 คน เพื่อให้ไปขับเคลื่อนการเรียนการสอนให้ครอบคลุมและ CODING ถือเป็นนโยบายที่จะ ช่วยแก้ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้อย่างแท้จริง