วุ่นแน่ ‘องค์กรครู’ ค้านจ่าย ‘เงินเดือนราชการ’ 2 รอบวอน ‘นายกฯ’ ทบทวนด่วน | คมชัดลึก

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เป็นครั้งแรกหลังแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาระหว่างวันที่ 11-12 ก.ย. ที่ผ่านมา  ปรากฏว่าหนึ่งในมติครม.ที่โลกต้องจำและถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด ต้องยกให้มติครม.เห็นชอบให้ปรับการแบ่งจ่าย “เงินเดือนข้าราชการ” เป็น 2 รอบต่อเดือน เริ่ม 1 มกราคม 2567 เพื่อเพิ่มเงินสดให้ข้าราชการ

 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายไกรทอง กล้าแข็ง ประธานชมรมครูกรุงเทพมหานครออนไลน์ ในฐานะองค์กรครู เปิดเผย “คมชัดลึก” ว่า "เงินเดือนข้าราชการ" โดยเฉพาะข้าราชการครูไม่ได้มาก การจ่ายเงินเดือนครู 2 ครั้งต่อเดือนแบบนี้มองเป็นการเพิ่มภาระงานให้ครูมากกว่าจะเกิดผลดีกับครู

 

 

เพราะไม่ใช่การเพิ่มเงินเดือน อย่าลืมว่าการเบิกจ่ายเงินเดือนข้าราชการครูต้องทำฏีกาเงินเดือน หากเป็นโรงเรียนขนาดเล็กมีครูจำนวนไม่มาก ไม่มีฝ่ายธุรการ ไม่มีฝ่ายบัญชี ไม่มีฝ่ายพัสดุ ภาระงานเหล่านี้จะตกที่ครูทั้งหมด

 

 

"ขอนายกรัฐมนตรีเห็นใจครู รับเงินเดือนต้องทำฏีกา ต้องใช้กำลังคน ยังไม่ได้ใช้เทคโนโลยี จะรับเงินเดือนข้าราชการแต่ละครั้ง ต้องมีครูอย่างน้อย 3 คน ไปวางฏีกาที่เขตพื้นที่การศึกษา หากเป็นครูกทม. ก็มาที่สำนักงานเขตที่โรงเรียนสังกัด เพื่อรับเซ็ค

 

 

จากนั้นต้องมาที่ธนาคารกรุงไทย ทางธนาคารจะดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ของครูแต่ละคน แต่ครูที่มาดำเนินการในเรื่องนี้ต้องทิ้งงานสอน ทิ้งนักเรียน ต้องฝากงานไว้กับเพื่อนครูคนอื่น กระทบการเรียนการสอนและคุณภาพการศึกษา" 

 

 

ประธานชมรมครูกรุงเทพมหานครออนไลน์ เผยอีกว่า หลังครม.มีมติแบ่งจ่าย “เงินเดือนข้าราชการ” ทางชมรมครูกรุงเทพมหานครออนไลน์ ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของข้าราชการครู ปรากฏว่า 100 % ไม่มีครูคนไหนเห็นด้วยกับมติครม. ดังกล่าว ต่างมองว่าเป็นการสร้างภาระงานให้กับครูแต่รับเงินเดือนเท่าเดิม อีกครั้งไม่ได้เพิ่มสภาพคล่องให้กับครูเลย และกระทบการใช้จ่ายที่ครูเคยได้รับอีก ต้องปรับตารางการใช้จ่ายเงินใหม่

 

 

"วอนนายกรัฐมนตรี ทบทวนมติครม. ว่าด้วยการแบ่งจ่ายเงินเดือนข้าราชการ 2 ครั้งต่อเดือนใหม่ เพื่อให้เพื่อนข้าราชการทุกสังกัดสบายใจ ปัญหาคือเงินเดือนไม่พอ ถ้าเงินมาเร็วคนที่ไม่มีวินัยการเงินเงินก็หมดเร็ว เหมือนเดิม ไมไ่ด้ช่วยอะไร"ประธานชมรมครูกรุงเทพมหานครออนไลน์ กล่าวสรุป