ข่าว

ปฏิบัติการ “รังสิตมันร้าย” ทำ “ดร.เอ้” ห่วงอนาคตเด็กไทย เที่ยวผับบาร์

ปฏิบัติการ “รังสิตมันร้าย” ทำ “ดร.เอ้” ห่วงอนาคตเด็กไทย เที่ยวผับบาร์

10 ม.ค. 2567

หัวอกคนเคยเป็นครูบาอาจารย์ “ดร.เอ้ สุชัชวีร์” ห่วงอนาคตเด็กไทย เที่ยวผับบาร์ จากปฏิบัติการ “รังสิตมันร้าย” พบเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี มาใช้บริการเกือบ 500 คน ยกนานาประเทศจะออกนโยบายใดๆ เน้นคุ้มครองสุขภาพเด็ก ย้ำเด็กเป็นหัวใจสำคัญที่จะเปลี่ยนประเทศให้ดีขึ้น

เมื่อวันที่ 10 ม.ค.2567 ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ “ดร.เอ้” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กทม. ห่วงเด็กไทย หลังจากมีข่าวล่าสุดเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจปฏิบัติการ “รังสิตมันร้าย” ที่สนธิกำลังร่วมกับหลายหน่วยงานบุกเข้าจับกุมสถานบริการชื่อร้าน “HEAVEN Rangsit” ในพื้นที่อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี พบบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้ามาใช้บริการเกือบ 500 คน

 

ดร.เอ้ กล่าวว่า ปัญหาเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการสถานบันเทิง ผับ-บาร์ การเปิดสถานบันเทิงเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด ไปจนถึงการเปิดโดยไม่มีใบอนุญาต ปัญหาเหล่านี้มีมานานแล้ว ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เกิดเป็นวงจรปัญหาตามมาทั้งเรื่องยาเสพติด ความรุนแรง อุบัติเหตุจากเมาแล้วขับ

 

 

"ผมจึงอยากให้เจ้าหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการกวดขันและเข้มงวดในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องเพื่ออนาคตของเด็กและเยาวชนไทย"

 

 

"ปัญหาสำคัญที่สุดคือสถานบันเทิงเหล่านี้ปล่อยให้เด็กต่ำกว่ากฎหมายกำหนดเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ข่าวล่าสุดที่ผับดังย่านรังสิตก็ตรวจพบเด็กต่ำกว่าอายุ 20 ปี เกือบ 500 คน ผมถามว่าเราปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้ยังไง แล้วเด็กไทยเราจะมีคุณภาพได้อย่างไร ผมเป็นห่วงจริง ๆ ครับ” ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวย้ำ

 

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายตำรวจ ฝ่ายปกครอง ยังมีปัญหาในเรื่องการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ ไม่เข้มงวด ปล่อยปละละเลย โดยเฉพาะขณะนี้กฎหมายได้อนุญาตให้ขยายเวลาเปิดสถานบริการถึงตี 4 แล้ว ส่วนตัวจึงอยากแนะผู้ที่เกี่ยวข้องว่าหากยังไม่มีมาตรการในการจัดการที่เด็ดขาดโดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนก็อาจจะต้องทบทวน ถ้าผลประโยชน์ที่ได้ไม่คุ้มกับความเสียหายที่เกิดขึ้น

 

 

ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า การพัฒนาคน โดยเฉพาะเยาวชนถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะเปลี่ยนประเทศให้ดีขึ้น ดังนั้นภาครัฐจะออกนโยบายต่างๆ ต้องประเมินความคุ้มค่าให้รอบด้าน อย่ามองเพียงแค่มิติเดียว โดยเฉพาะนโยบายขยายเวลาเปิดผับ-บาร์ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามีผลกระทบต่อเยาวชน และสวัสดิภาพ ความปลอดภัยของสาธารณชนแน่นอน

 

 

ดังนั้นสิ่งที่ประเทศไทยต้องทำคือการควบคุม จำกัดวันและเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสถานบันเทิง ให้เหมือนในหลายๆ ประเทศ เช่น ประเทศเยอรมนีที่รัฐให้ความสำคัญในเรื่องการพัฒนาคนอย่างมาก ซึ่งการจำกัดหรือควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสถานบันเทิง ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องความปลอดภัยเท่านั้น

 

 

แต่คำนึงไปถึงเรื่องสุขภาพของคน กฎหมายที่ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะเน้นเกี่ยวกับการคุ้มครองเด็กและเยาวชนส่วนใหญ่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้คนหนุ่มสาวเลิกดื่มแอลกอฮอล์อย่างสมบูรณ์ แต่สอนถึงแนวทางที่เหมาะสมในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือในประเทศรัสเซียที่มีการจำกัดเวลาขายช่วงกลางคืน หรือประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่จำกัดเวลาขายในร้านขายปลีก เป็นต้น