จอแก้ว เรื่องย่อละคร 'กลิ่นกาสะลอง' (เต็มเรื่อง)
"กลิ่นกาสะลอง" ละครพีเรียดดราม่า กับปมความรักความแค้นที่รอวันเอาคืน!!
พร้อมลงจอให้ได้ชมกันแล้ว สำหรับละครแนวโศกนาฏกรรมความรั
กลิ่นกาสะลอง
เนียรปาตี
เรื่องย่อ
พุทธศักราช ๒๕๕๐ (ปัจจุบัน) ‘นายแพทย์ทินกฤต’ และ ‘แพทย์หญิงพิมพ์พิศา’เป็นคู่รักกันมาตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาแพทย์ด้วยกัน จนกระทั่งเรียนจบพิมพ์พิศาก็มาทำงานเป็นแพทย์ประจำอยู่โรงพยาบาลที่บิดาของทินกฤตเป็นเจ้าของ ทั้งสองคนรักกันดี แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะแต่งงานกันทุกครั้งที่พิมพ์พิศาเอ่ยถึงเรื่องนี้ทินกฤตก็จะปฏิเสธเรื่อยไปโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรจนกระทั่งเมื่อทั้งคู่ขึ้นมาดูที่ดินที่เชียงใหม่
ทินกฤตก็รู้สึกว่าตนเองมีความผูกพันกับที่ดินผืนนั้น เขาฝันถึงอดีตบ่อยๆและทุกครั้งจะมีกลิ่นดอกกาสะลอง (ดอกปีบ) อบอวลไปทั่วเช่นเดียวกับพิมพ์พิศาที่ได้รับปิ่นจากชายลึกลับผู้มาเจรจาเรื่องที่ดินก็รู้สึกว่าปิ่นเงินอันนั้นรบกวนจิตใจเธออย่างบอกไม่ถูกบางครั้งก็ฝันประหลาดจนเสมือนว่าตัวเองอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆทินกฤตตัดสินใจซื้อที่ดินผืนนั้นอย่างไม่ลังเลเพื่อปลูกบ้านส่วนตัวมิใช่ปลูกเป็นเรือนหออย่างที่พิมพ์พิศาเข้าใจเมื่อทินกฤตใส่ใจกับการดูแลบ้านหลังใหม่มากกว่าเรื่องอื่นใดพิมพ์พิศาก็เริ่มจะรู้สึกว่าคู่รักเปลี่ยนไปมากขึ้นแม้ว่าทินกฤตจะไปมาหาสู่ที่บ้านของเธอบ่อยๆแต่เขาไม่ได้ไปเพื่อพบเธอ แต่กลับตั้งใจไปพบ นางบัวเกี๋ยงย่าของพิมพ์พิศาผู้ซึ่งพิมพ์พิศาปักใจเชื่อว่าย่าไม่รักหล่อนจนอาจถึงขั้นเกลียด
สำหรับนางบัวเกี๋ยงนั้น แม้จะมีอาวุโสมาก แต่เมื่อทินกฤตไปพบนางก็จะทำตัวยำเกรงชายหนุ่มประดุจตนเองเป็นผู้น้อยอยู่ตลอดเวลา
‘นายแพทย์ภาคภูมิ’ คือเพื่อนสนิทของทินกฤต กำลังจีบ ‘วิจิตรา’โปรดิวเซอร์สาวซึ่งมารู้ภายหลังว่าเป็นเพื่อนกับพิมพ์พิศาสมัยเรียนมัธยมภาคภูมิช่วยประสานงานให้กองถ่ายของวิจิตรามาใช้สถานที่ถ่ายทำในโรงพยาบาลของทินกฤต ทำให้คนทั้งหมดมาเจอกันและมีแผนเดินทางไปเชียงใหม่ด้วยกันโดยไม่มีใครรู้ว่าทั้งหมดมีความเกี่ยวพันกันมาจากอดีตชาติและการไปเชียงใหม่ครั้งนี้จะทำให้ชีวิตของทุกคนเปลี่ยนไป
ทินกฤตยอมให้วิจิตรามาชมบ้านใหม่ของเขา ทั้งที่เขาหวงนักหนาทำให้พิมพ์พิศาคิดว่าทินกฤตมีใจให้กับวิจิตรายิ่งทินกฤตแอบกลับไปพักที่บ้านใหม่ของเขาทั้งที่จองที่พักในเมืองไว้แล้วยิ่งทำให้พิมพ์พิศาคิดฟุ้งซ่านขับรถตามไปอย่างฉุนเฉียวจนเกิดอุบัติเหตุขึ้น พิมพ์พิศารถคว่ำคนเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ทินกฤต ภาคภูมิ และวิจิตรากลับได้รับคำตอบว่า พิมพ์พิศากลับกรุงเทพไปแล้วโดยไม่บอกใครซ้ำรถที่พิมพ์พิศาเช่ามาขับก็มิได้เกิดอุบัติเหตุแต่อย่างใด
ไม่มีใครรู้ว่า ทั้งหมดนี้เกิดจากการบันดาลของวิญญาณกาสะลองหลังจากอุบัติเหตุรถคว่ำวิญญาณของกาสะลองเข้ามาสิงในร่างของพิมพ์พิศาหรือ ‘ซ้องปีบ’ในอดีตชาติบางครั้งพิมพ์พิศาจึงได้รู้ได้เห็นเหตุการณ์ในอดีตอย่างคนนอกแต่บางครั้งก็รู้สึกเสมือนทำด้วยตนเอง
ทินกฤตมีโอกาสได้พบพิมพ์พิศาเพียงครั้งเดียวที่กรุงเทพแต่เขากลับรู้สึกว่าเธอมิใช่พิมพ์พิศาคนเดิมที่เขารู้จักหากเป็นใครอีกคนที่เขาคุ้นเคยในความฝันในที่สุดทินกฤตจึงชวนพิมพ์พิศากลับไปเชียงใหม่อีกครั้ง ทั้งๆที่นัดหมายกันเป็นอย่างดี แต่วันเดินทางมารดาของพิมพ์พิศาบอกว่าหล่อนล่วงหน้าไปก่อนแล้วเมื่อทินกฤตไปถึงบ้านที่เชียงใหม่ก็พบว่าพิมพ์พิศาคอยอยู่ที่นั่นแล้วจริงๆทว่าหล่อนอยู่ในเครื่องแต่งกายที่แปลกออกไปคล้ายกับการแต่งกายของชาวล้านนาในอดีต
ภาคภูมิและวิจิตราร่วมทางมาเชียงใหม่ด้วย แต่จู่ๆ ก็พลัดหลงกับทินกฤตและพิมพ์พิศาที่งานสงกรานต์ตามหาเท่าไรก็ไม่พบ สุดท้ายจึงตัดสินใจกลับกรุงเทพฯก็พบพิมพ์พิศาเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ที่บ้านส่วนทินกฤตก็หายตัวไปจริงๆ...ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นฝีมือของ ‘กาสะลอง’มณฑลพายัพในอดีต (พ.ศ.๒๔๖๗ ปลายรัชกาลที่ ๖ ต่อรัชกาลที่ ๗)
‘ทรัพย์’ นายหมอหนุ่มเชื้อสายจีนนั่งเรือหางแมงป่องที่ขนสินค้าจากกรุงเทพมาขายที่เชียงใหม่เพื่อทำงานในโรงพยาบาลของคณะมิชชันนารีในเช้ามืดวันที่เรือจะเข้าเทียบท่านั้นเอง เรือติดแก่งลูกถ่อทั้งหลายจึงต้องช่วยกันประคองเรือไม่ให้คว่ำในความสลัวนั้นนายหมอหนุ่มก็เห็นว่ามีหญิงสาวผู้หนึ่งกำลังเก็บดอกไม้ที่ท่าน้ำและมองตลอดเวลาที่เรือโคลงเคลงเขาประทับภาพนั้นไว้ในความทรงจำตั้งแต่แรกเห็นเรือเทียบท่าเมื่อฟ้าสางขณะที่นายหมอทรัพย์เดินผ่านตลาดเพื่อไปยังที่พักเขาได้เห็นหญิงสาวผู้เก็บดอกไม้ที่ท่าน้ำ แต่ ‘นางเหมย’ผู้ติดตามหญิงสาวผู้นั้นเห็นเข้าเสียก่อน จึงกันนายสาวออกไปเสียเมื่อถึงที่พักนายหมอทรัพย์ก็ได้พบ ‘บัวเกี๋ยง’เด็กหญิงตัวน้อยมาคอยเขาอยู่ในห้องพัก
ความคำนึงถึงสาวที่ท่าน้ำทำให้นายหมอทรัพย์สอบถามจากผู้คนในตลาด ได้ความว่า นางชื่อ‘ซ้องปีบ’ เป็นลูกสาวของนายแคว้นมั่งผู้เกลียดชังฝรั่งและคนจีนหนักหนา แต่ถึงกระนั้นนายหมอทรัพย์ก็ยังมาที่ท่าน้ำและได้พบหญิงสาวคนเดิมได้พูดจากันบ้าง นางมิได้บอกว่าชื่ออะไรเพียงแต่พยักหน้าไปทางดอกปีบที่ร่วงอยู่ ซึ่งดอกปีบนั้นเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า กาสะลอง
นั่นคือจุดเริ่มต้นของความเข้าใจผิด นายหมอทรัพย์ไม่รู้ว่า‘กาสะลอง’ และ ‘ซ้องปีบ’เป็นพี่น้องฝาแฝดกันซึ่งนิสัยใจคอต่างกันสุดขั้ว ผู้ที่นายหมอหลงรักคือกาสะลอง แต่ผู้ที่นายหมอพบบ่อยและเข้าใจผิดคือ ซ้องปีบหมอทรัพย์จึงบอกบัวเกี๋ยวอยู่เสมอว่าเขาหลงรักซ้องปีบ
ด้วยเหตุนี้ นายหมอทรัพย์จึงถูกเขม่นจาก ‘มั่นฟ้า’ชายหนุ่มผู้เสน่หาในตัวซ้องปีบ มั่นฟ้าตามเอาใจซ้องปีบมาตั้งแต่รุ่นสาวโดยที่ซ้องปีบเองก็มิได้มีทีท่าจะคล้อยตามด้วยสักเท่าไรเพียงแต่ชอบที่มั่นฟ้ามาเอาใจเท่านั้น เช่นเดียวกับที่มั่นฟ้าก็ไม่เคยเอะใจว่านางเหมย ผู้ติดตามซ้องปีบรักเขาหมดหัวใจ
ก่อนวันสงกรานต์ ชาวบ้านต่างไปเตรียมงานที่วัดทว่าซ้องปีบกลับไปนั่งใต้ต้นยาง อยากได้กล้วยไม้มาประดับมวยผมนายหมอทรัพย์ผ่านมาเจอพอดีการแข่งขันระหว่างนายหมอหนุ่มเชื้อสายจีน และมั่นฟ้าจึงเกิดขึ้นบัวเกี๋ยง...เจ้าเด็กตัวน้อย รีบไปตามกาสะลองมาดูเหตุการณ์กาสะลองยอมมาตาม แต่ก็อยู่ไม่จบตลอดการแข่งขันเพราะรู้สึกทนไม่ได้ที่นายหมอหนุ่มที่ตนแอบเก็บความรู้สึกนิยมอยู่ในใจทุ่มเทให้ซ้องปีบถึงเพียงนี้ ผู้ชนะตามกติกาคือมั่นฟ้าหากผู้ชนะตามใจของซ้องปีบคือนายหมอทรัพย์มั่นฟ้าจึงรู้สึกเหมือนถูกหักหน้าอย่างแรงวางแผนลอบทำร้ายนายหมอหนุ่มเย็นวันนั้น
นายหมอทรัพย์ไปที่วัดตามคำชวนของบัวเกี๋ยงจึงได้เห็นว่าสาวน้อยหน้าแฉล้มผู้นั้นนั่งทำงานอยู่ในศาลาประดับมวยผมด้วยดอกปีบสีขาวนวลเป็นช่อ เช่นที่เขาเห็นอยู่บ่อยๆมิใช่ดอกกล้วยไม้ที่เขาเก็บให้ก็น้อยใจประจวบกับผู้เฒ่าผู้แก่ที่อยู่ในศาลาวัดต่างซักถามกาสะลองถึงเรื่องที่นายแคว้น บิดาของนางยกลูกสาวให้แต่งงานกับลูกพ่อเลี้ยงทำให้นายหมอทรัพย์เข้าใจผิดคิดไปอีกว่าหล่อนถูกหมั้นหมายไปกับชายอื่นแล้ว เขาจึงแทบจะหมดหวังในความรัก
ระหว่างทางกลับบ้านนายหมอทรัพย์พบมั่นฟ้าที่ดักรออยู่ระหว่างทางชายหนุ่มทั้งสองทะเลาะกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ นายหมอหนุ่มพลาดท่าจึงถูกมั่นฟ้าเหวี่ยงมีดผ่านช่องท้องจนล้มลงไปกองกับพื้นเมื่อมั่นฟ้าเห็นว่ากาสะลองและบัวเกี๋ยงยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดจึงรีบหนีไป สตรีต่างวัยสองคนจึงต้องช่วยกันพยาบาลคนเจ็บทั้งที่มืดค่ำ
การบาดเจ็บคราวนั้น ทำให้นายหมอทรัพย์รู้ความจริงว่าสตรีที่เขาหลงรักเป็นฝาแฝดและคนที่เขารักตั้งแต่แรกเห็นคือกาสะลอง มิใช่ ซ้องปีบในวันที่ซ้องปีบเข้ามาพูดคุยกับเขาอีก เขาจึงพยายามบ่ายเบี่ยงเพื่อมิให้เกิดการเข้าใจกันผิดอีก หากการกระทำนี้กลับทำให้ซ้องปีบเกลียดกาสะลองยิ่งขึ้นที่นายหมอหนุ่มเอาอกเอาใจกาสะลองด้วยความอบอุ่นด้วยความรักที่บริสุทธิ์อย่างที่นางไม่เคยได้จากชายใดมาก่อนนางจึงหมายมั่นจะได้ครอบครองนายหมอทรัพย์
ซ้องปีบมีบิดาเป็นผู้ถือหาง ในขณะที่กาสะลองมีแม่เป็นผู้คุ้มภัยแต่ผู้เป็นใหญ่ในบ้าน คือนายแคว้นมั่งผู้บิดาดังนั้นไม่ว่าซ้องปีบจะต้องการอะไร หรือกล่าวเท็จอย่างไรบิดาจะเชื่อแล้วหาความเอากับกาสะลองแต่ผู้เดียว
เมื่อซ้องปีบไม่ยอมแต่งงานกับลูกพ่อเลี้ยงกรรมนั้นจึงมาตกอยู่กับกาสะลองกาสะลองรู้ตัวแล้วว่าตนเองรักนายหมอทรัพย์หมดหัวใจเช่นเดียวกับที่นายหมอหนุ่มก็สารภาพกับกาสะลองและมารดาของนางเมื่อเหตุการณ์จวนจะบานปลายนายหมอหนุ่มจึงตัดสินใจชวนกาสะลองและบัวเกี๋ยงหนีไปอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพ
การหนีครั้งที่หนึ่ง ไร้ผล เพราะเหตุสุดวิสัย
การหนีครั้งที่สอง กาสะลองปลอมตัวเป็นแหม่มไปขึ้นรถไฟนายแคว้นมั่งผู้บิดาตามไปพบที่สถานีรถไฟโดยบังเอิญกาสะลองจึงถูกฉุดกระชากลากถูลงจากรถโดยมีนายหมอหนุ่มตามลงมามีเพียงบัวเกี๋ยงเท่านั้นที่ยังอยู่บนรถไฟกับคณะมิชชันนารีและเดินทางไปผจญชีวิตตามลำพัง
กาสะลองถูกขังไว้ในบ้าน มีผู้เฝ้าอย่างแน่นหนา แต่ด้วยความช่วยเหลือของมั่นฟ้านายหมอทรัพย์จึงหาอุบายพากาสะลองหนีไปด้วยกันได้สำเร็จในขณะที่มั่นฟ้าถูกจับได้และโดนซ้อมอย่างหนัก เมื่อนางเหมยมาช่วยเหลือ ทั้งคู่จึงหนีไปด้วยกันในฐานะผู้ทำผิดที่ทางการค้นหาตัวนายแคว้นมั่งสืบทราบว่ากาสะลองและนายหมอทรัพย์หนีไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่เมืองแจ๋ม (แม่แจ่ม) จึงตามไปหาที่นั่นทำทีว่าเห็นอกเห็นใจและให้อภัยกับการกระทำของคนทั้งคู่และสั่งให้ซ้องปีบไปขอขมากาสะลองเสียตามลำพังแต่ความจริงแล้วคือแผนการสลับตัวซ้องปีบและกาสะลอง!
กาสะลองถูกกุมตัวมาอยู่ที่บ้านเดิมทันได้เห็นวาระสุดท้ายของผู้เป็นมารดาที่ป้าช้า มั่นฟ้าและนางเหมยแอบมาพบกาสะลองแล้วเล่าความจริงหลายเรื่องและบอกว่าตนเองจะเป็นผู้นำความจริงเรื่องนี้ไปบอกกับนายหมอทรัพย์ความนี้รู้ถึงหูนายแคว้นมั่ง กาสะลองจึงถูกจับขังในยุ้งข้าวให้ลูกน้องเป็นคนเฝ้าก่อนที่ตัวเองจะไปให้ถึงแม่แจ่มก่อนมั่นฟ้าและนางเหมย
ในยุ้งข้าวที่คุมขัง กาสะลองต้องเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อลูกน้องของบิดาเข้ามาหมายจะข่มขืน นางจึงป้องกันตัวเองสุดชีวิตรวมรวมพลังกายเฮือกสุดท้ายใช้ผ้ารัดคอชายหนุ่มผู้นั้นตายเวลาหลายวันที่ถูกกุมขังกาสะลองได้แต่เก็บกินเมล็ดข้าวเคียงศพลูกน้องบิดาอยู่อย่างนั้นจนในวันหนึ่งนางก็หมดลมหายใจ
ที่แม่แจ่ม นายหมอทรัพย์รู้สึกแปลกใจว่ากาสะลองแปลกไปจนเมื่อมั่นฟ้ามาบอกเล่าความจริงจึงมั่นใจในความคิดของตนซ้องปีบไม่ยอมให้นายหมอกลับไป หากมั่นฟ้าและนางเหมยรั้งตัวไว้ซ้องปีบจึงทำร้ายนางเหมยจนตายด้วยปิ่นเงินที่มั่นฟ้าเคยให้นางไว้เมื่อครั้งยังเสน่หา ขณะที่ชุลมุนกันอยู่นั้น ตะเกียงถูกเหวี่ยงกระทบหินจนแตกเปลวไฟไหม้คนทั้งสามตายอยู่กลางทุ่งฝ้ายนั้น
นายหมอทรัพย์ตามมาหากาสะลองทันเพียงแค่เห็นเปลวไฟที่กำลังมอดเขาจึงเก็บเอาเถ้ากระดูกของนางรวมกับเมล็ดปีบต้นที่ท่าน้ำเรือนของนาง กลับไปปลูกที่ริมธารน้ำ ใกล้เรือนที่ถูกเผาของเขาที่แม่แจ่ม
ทั้งสามคน กลับมาพบกันใหม่ ด้วยกงกรรมกงเกวียน นายหมอทรัพย์...นายแพทย์ทินกฤต ซ้องปีบ...แพทย์หญิงพิมพ์พิศา มั่นฟ้า...นายแพทย์ภาคภูมิ นางเหมย...วิจิตรา เมื่อทุกคนรู้ว่าต้นสายแห่งปริศนาหลายเรื่องในปัจจุบันเกิดขึ้นเพราะอะไร พิมพ์พิศาก็ไม่คาดคั้นให้ทินกฤตแต่งงานด้วยอีก
ส่วนภาคภูมิและวิจิตราก็ตกลงปลงใจร่วมหอลงโรงสร้างครอบครัวด้วยกัน
นายแพทย์ทินกฤตลาโลกไปอย่างสงบในคืนวันแต่งงานของเพื่อนนั่นเอง หากชายหนุ่มหลับฝันอย่างมีความสุข เพราะในฝันนั้นเขาเห็นนางแน่งน้อยผิวขาวนวลผ่องในผ้าพันอกสีดอกฝ้ายเกล้าผมเป็นมวยดำขลับประดับด้วยดอกกาสะลองช่อใหญ่ขาวพราวกระจ่าง
สามสิบปีให้หลัง (พุทธศักราช ๒๕๘๐)
‘พิมพ์มาดา’ บุตรสาวของแพทย์หญิงพิมพ์พิศาตั้งใจจะเปิดโฮมสเตย์ที่แม่แจ่มจังหวัดเชียงใหม่ เพราะมารดาของนายแพทย์ทินกฤตโอนที่ดินให้หลังจากเสียบุตรชายไป พิมพ์มาดารู้สึกผูกพันกับที่ดินผืนนี้มาก เมื่อใกล้เสร็จสมบูรณ์ ช่วงที่ต้องวางแผนงานเปิดตัวนั่นเอง ที่พิมพ์มาดาได้พบ ‘ปรัศวินทร์’ บุตรชายคนเดียวของนายแพทย์ภาคภูมิ และคุณวิจิตรา ทั้งสองคนมีความคุ้นเคยในหลายๆ เรื่องเหมือนกัน แต่มักจะไม่ค่อยได้คุยกันดีๆ สักเท่าไหร่นัก เพราะต่างฝ่ายต่างไม่เคยลงให้แก่กัน คุณพิมพ์พิศาเอง
เมื่อเห็นชายหนุ่มครั้งแรกก็อดนึกไม่ได้ว่าเขาช่างเหมือนทินกฤตเสียนี่กระไร เช่นเดียวกับมารดาของนายแพทย์ทินกฤตผู้จากไป ก็รักใคร่ปรัศวินทร์ไม่ต่างจากลูกชายแท้ๆ ของตนเองจนบางครั้งก็หลงไปว่า ปรัศวินทร์ คือ ทินกฤต และพิมพ์มาดา คือพิมพ์พิศา
ในที่สุด โครงการเปิดโฮมสเตย์ก็ล้มเลิก เมื่อปรัศวินทร์และพิมพ์มาดาปรับความเข้าใจกันได้ และมีความเห็นตรงกันว่า อยากเก็บสถานที่แห่งนี้ไว้เป็นที่ส่วนตัวมากกว่าเปิดให้คนอื่นเข้าพัก ความรักของนายหมอทรัพย์และอี่นายกาสะลองจึงสมหวังเมื่อเวลาล่วงผ่ านมาหลายสิบปี
จบบริบูรณ์
ทางด้านนางเอกมากความสามารถอย่
“รับบทเป็นฝาแฝด กาสะลอง กับ ซ้องปีบ และพิมพ์พิศาในภพปัจจุบันค่ะ ละครเรื่องนี้เป็น อะไรที่ท้าทายสำหรับเรามาก ๆ ในฐานะนักแสดง นอกจากจะมีเนื้อเรื่องที่ข้
ส่วนพระเอกหนุ่มหน้าตี๋ “เจมส์ มาร์” ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “รั
นอกจากนี้ยังมีนักแสดงคุณภาพอี
ติดตามชมได้ในละคร “กลิ่