ความในใจของ 'สงกรานต์' กับอนาคตรักกับ 'แมท'  | คมชัดลึก

 

    ทีมบันเทิง  คมชัดลึก  -   เดินสายโปรโมทเทศกาลการแข่งขันวิ่ง "KING OF BATTLE SEASON2" เทศกาลที่จะมาวัดระดับความแกร่งกล้า ความซ่าในตัวคุณ วันที่ 23 – 24 สิงหาคม 2562 ณ โบนันซ่า เขาใหญ่ งานนี้ “บันเทิงคมชัดลึก” ได้มีโอกาสเปิดใจ “สงกรานต์ เตชะณรงค์” หวานใจของ “แมท” ภีรนีย์ ทั้งเรื่องของงานและเรื่องความรัก
 

    “KING OF BATTLE SEASON 2” แล้ว กระแสตอบรับเป็นยังไง 
    "คือหลังจากจบ KING OF BATTLE ครั้งแรก ก็มีคนเรียกร้องเยอะ ก็เลยจัดตามคำเรียกร้อง แต่คนที่มาครั้งที่แล้วก็อาจจะไม่อยากทำอะไรแบบเดิมๆ เพราะเขาพิชิตมาแล้ว เราก็เลยต้องเสริมความโหดเข้าไปอีกในปีที่สอง เราก็เลือกจุดอะไรที่คนพูดถึงเยอะ เอามาขยี้ใหม่ให้มันกว่าเดิม ในเรื่องของด่าน ในเรื่องของคอนเสิร์ตหลังงาน ที่ปีนี้มี 4 ศิลปินใหญ่ๆ ทั้ง พี่แอ๊ดและวงคาราบาว, พี่ปู-พงษ์สิทธิ์, เจ็ทเซทเตอร์ และอินสติงค์ มาร่วมสร้างสีสันให้กับงาน ในส่วนของด่านต่างๆ ก็มีเพิ่มมา 5 ด่าน จาก 20 ด่าน เป็น 25 ด่าน ซึ่ง 20 ด่านเดิมก็มีการเปลี่ยนแปลงไปด้วย ถามว่างานของเรามีจุดดึงดูดคนมาร่วมงานยังไง คืออย่างที่รู้ว่ามีเรามีด่านต่างๆ ที่ประยุกต์มาจากการฝึกทหารและตำรวจ ซึ่งมันเป็นความท้าทาย ที่เขารู้สึกว่าถ้าได้พิชิตมาได้ ของแบบนี้มันเหนื่อยเพราะมันต้องใช้แรงใจมากกว่าแรงกาย หลักของงานนี้คือเราพยายามผลักให้ทุกคนผ่านไปให้ได้ ไฮไลท์ในปีนี้ของเราคือ มินิคอมมอนโด คือการย่อส่วนด่านต่างๆ ให้กับเด็กอายุตั้งแต่ 4-12 ขวบได้มาลอง ให้พ่อแม่พาลูกมาลองพิสูจน์ตัวเอง"
  

 

    ในการจัดงานครั้งนี้คำนึงถึงอะไรเป็นอันดับแรก
    “เรื่องความปลอดภัยคือเรื่องที่เรายึดเป็นอันดับแรก เพราะว่ามันมีด่าน มีลุยน้ำ มีปีน มีลุยโคลน ซึ่งเรามีเจ้าหน้าที่อยู่ประจำทุกจุด ตรงด่านน้ำเราก็มีนักประดาน้ำแสตนบาย อย่างปีที่แล้วก็ไม่ได้มีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้น อาจจะมีบาดเจ็บบ้าง แต่ก็ไม่มีถึงขั้นหามเข้ารพ. แต่ปีที่แล้วไม่มีอุบัติเหตุไม่ได้หมายความว่าเราจะนิ่งนอนใจได้ เราก็ต้องแสตนบายไว้อยู่ดี เพราะว่าเรื่องความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ คือถ้ามีอุบัติเหตุหรือเกิดอันตรายถึงขั้นเข้ารพ. เราเองก็ไม่แฮปปี้ที่จะจัดงาน เรามีการจำกัดจำนวนนักวิ่งด้วย ถ้าเยอะเกินมันจะไม่ปลอดภัยและไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง คือทั้งหมดเลยไม่เกิน 1,500 คน คืออยากฝากถึงกิจกรรม วันที่ 23 – 24 สิงหาคม 2562 ณ โบนันซ่า เขาใหญ่ สามารถสมัครได้ที่เซเว่นฯ ทุกสาขา หรือลงทะเบียนได้แล้วที่ www.kingofbattle.net"
    

 

 

 

 

    ความรักเป็นยังไง มันสบายตัวขึ้นกว่าเดิม 
    "มันก็ดีขึ้น เรียนรู้กันไปเรื่อยๆ มีอะไรก็ปรับจูนเข้าหากัน ไม่ใช่เรื่องอะไรที่เกินความสามารถ"
    เรื่องข่าวมีผลต่อการปรับตัวเข้าหากันไหม 
    "ก็มีบ้างเพราะบางครั้ง ก็มีหลายคนที่เขาไม่เข้าใจ เขาไม่รู้ถึงข้อเท็จจริง แต่เราไม่ได้เอาความรู้สึกของเราไปคุยกับตรงนั้น ซึ่งที่ผ่านมาเราสองคนก็มีคุยกันบ้าง แต่เป็นการคุยกันในแบบขำๆ ด้วย ไม่อยากให้มันกลายเป็นเรื่องซีเรียส เพราะเราไม่อยากเอาคำอะไรที่มันไม่ดีมาชี้นำในการใช้ชีวิต แต่เราคอมเม้นดีๆ มาเป็นข้อคิด ในชีวิต"

 

    ในตอนนั้นคือกันไหมว่าเราผ่านช่วงวิกฤตแบบนั้น 
    "ไม่ได้คุยกันนานขนาดนั้น เราคุยกันเรื่องอื่นๆ มากกว่า เพราะตอนหลังน้องทำธุรกิจของเขาเองด้วย ซึ่งเขาก็จะซีเรียสเรื่องธุรกิจของเขาเยอะ"
    คิดว่าที่ผ่านมาช่วงไหนมันพีคที่สุด
    "ผมไม่ได้เรียกว่ามันเป็นช่วงพีคหรืออะไร คือมันมีปัญหาเข้ามา แต่ว่าเราก็ต้องผ่านมันไปให้ได้เท่านั้นเอง ไม่ได้เงินช่วงไหนที่มันพีคมาก พ่อแม่ผมก็แข็งแรง  งานก็ไปได้ดี ทุกฝ่ายแฮปปี้ มันก็ไม่ได้มีอะไรที่ต้องไปกังวล"

 

 

 

 

 

  

    ช่วงที่เกิดเรื่องระหว่างสงกรานต์กับแมทใครเครียดมากกว่ากัน ดูสงกรานต์เครียดมากกว่าแมท
    "มันก็มีบ้าง บางทีน้องก็เครียดบ้าง เพราะบางคนก็ใช้คำที่รุนแรงเกินไป"
    ในบางครั้งที่เราเห็นคอมเม้นต์ที่มาว่าแฟนเรารุนแรงเกินไปรู้สึกยังไง
    "ก็...คือเราไม่ค่อยห่วงเขาเท่าไหร่เพราะเขาแข็งแรงเขาจะจัดการเองได้เพราะเขาผ่านอะไรมาเยอะ เขาทำงานมาตั้งแต่10กว่าขวบ เขาลุยมาตั้งแต่เด็กเขาใหญ่การป้องกันที่ค่อนข้างแข็งแรงอยู่แล้ว แต่บางทีก็มีการคอมเม้นท์โดยใช้สรรพที่รุนแรง ผมก็มีเข้าไปติติงบ้าง แต่เราไม่ได้ไปติงเพื่อไปท้าทายอะไร หรือไปหาเรื่องหรือไปโชว์พาวอะไรกับเขา แต่เราเข้าไปติงเขาเพื่อให้เขารู้ตัวว่ามันเกินไปแล้วนะ"

    แปลว่าทุกครั้งที่เข้าไปคอมเม้นตอบใครเราคิดไตร่ตรองแล้ว
    "ผมไม่เคยไปคอมเม้นท้าตีท้ารบและผมก็ใช้คำค่อนข้างสุภาพ เพื่อให้เขาไตร่ตรองให้ดีเวลาพูดจาอะไร"
    แมทเองเป็นคนตรงแต่คนก็จะมองว่าบางทีมันตรงเกินไป
    "ผมก็บอกน้องเหมือนกันว่าบางที มันก็เป็นเรื่องที่ดีที่มีอะไรก็พูดตรงๆแต่ว่าบางทีเราก็ไม่ได้อยู่ที่วัฒนธรรมที่จะพูดได้ขนาดนั้นก็ต้องมีวิธีการพูดอีกแบบนึงที่ใช้ในการสื่อสารกันส่วนตัวผมเองก็เป็นคนตรงนิดนึง (หัวเราะ)"

 

    ที่ผ่านมาครอบครัวโอเคแฮปปี้กับกันคบกันของเรา
    "ก็โอเค แฮปปี้นะ คำว่าครอบครัวเวลามีปัญหาเราก็ผนึกกันไว้ ก็โอเค"
    ได้มีการคุยกันภายในครอบครัวทุกเรื่องที่เกิดขึ้นไหมเพราะอย่างที่คนเห็นว่าครอบครัวของสงกรานต์ค่อนข้างจะสนิทกันมาก
    "ผมเลิกคบกับน้องผมแล้ว (หัวเราะ) พูดเล่นๆ โอเคมีอะไรก็สนับสนุนกันตลอดเพราะมันเป็นหน้าที่ของครอบครัวคือภายในเราก็มีการคุยกันแบบพี่น้องอยู่แล้ว แต่มันอาจจะไม่ได้ออกมาข้างนอก คือกับน้องผมโอเคเพราะตอนนี้เขาเองก็เพิ่งมีลูกด้วยไงก็เลยวุ่นๆ คือมีอะไรเราก็คุยกัน"

 

 

 

 

 

 

    สงกรานต์มองความรักครั้งนี้ไปไกลแค่ไหน
    "อนาคตเหรอ ก่อนจะมองอนาคตเราก็ต้องพร้อมก่อน เราต้องเอาตัวเราให้แข็งแรงก่อน วางฐานรากให้มันแข็งแรงก่อน เรื่องงานให้แข็งแรง เรื่องชีวิตให้แข็งแรง เรื่องปัญหาอะไรให้มันจบให้มันแข็งแรง เราค่อยมองตรงนั้นการที่เราจะเอาใครมาร่วมชะตากรรมกับเราเราต้องพร้อม คือต้องเริ่มจากตัวเราให้ดีก่อน"

 

    ที่บอกว่าต้องแข็งแรงคือจะต้องแข็งแรงยังไง
    "หมายถึงว่าถ้หากเราจะเอาใครมาอยู่ด้วยเราก็ต้องพร้อมซัพพอร์ตเขาเต็มที่ ไม่ให้เป็นภาระกับใคร"
    แสดงว่าเราก็มองถึงขั้นแต่งงาน
    "ผมพูดแบบโดยรวม ตอนนี้ผมก็ 36 แหละ"

 

 

    สงกรานต์ในวันนี้กับสงกรานต์ในวันนั้น ถ้าย้อนกลับไป มันต่างกันยังไง 
    "(ยิ้ม) มีความใจเย็นมากขึ้น โตขึ้น จะทำอะไรก็คิดไตร่ตรองมากขึ้น เริ่มมีสมาธิในการทำอะไรมากขึ้น เพราะในเรื่องงานเรารับผิดชอบแต่เด็ก ผมกล้าพูดเลยว่าเวลาทำอะไร ผมเต็มที่กับมันอยู่แล้ว แต่ในเรื่องของการใช้ชีวิตของครอบครัว แฟมิลี่ต่างๆ ผมโตขึ้นมากกว่า เพราะแต่ก่อนเราอาจจะคิดถึงเรื่องครอบครัวน้อยกว่างาน เพราะคิดว่าเราทำงานต่างๆ ให้มันเวิร์ค แล้วทุกอย่างมันจะตามมาเอง แต่จริงๆ แล้วเราต้องทำเรื่องงานไปพร้อมๆ กับเรื่องครอบครัวนั่นแหละคือสิ่งที่เวิร์คที่สุด นั่นถึงจะเรียกว่าโตขึ้นมาอีกระดับ"

 

 

    ไม่กลัวเรื่องที่จะมีครอบครัวอีกครั้ง    
    "ยังตอบไม่ได้ เพราะตอนนี้เราต้องทำตัวเองให้แข็งแรงก่อน แล้วทุกๆ อย่างถึงจะเดินไปพร้อมๆ กัน ไม่ใช่เรื่องใดเรื่องนึงแซงไป แต่ทิ้งอันใดอันนึงถูกทิ้งห่าง แต่ผมไม่เข้าใจคำว่าทำให้ชีวิตมันเท่าๆ กัน แต่ก่อนเราทำงานก็คือสุดๆ ไปเลย แต่จริงมันต้องบาลานให้ได้ ทุกอย่างมันต้องมูฟไปพร้อมกัน ซึ่งทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่ตัวเรา"

 

 

    ความคิดที่โตขึ้น ที่เปลี่ยนเพราะประสบการณ์มันสอนเรา    
    "ทุกคนมันต้องมีประสบการณ์ บางทีต้องเจอ ต้องเรียนรู้ บางทีมาเป็นคำพูด มันไม่เข้าใจ และ ณ ตอนนั้นมีคนเตือน เราอาจจะไม่รู้ แต่เมื่อไรเราได้สัมผัสด้วยตัวเอง เราถึงเข้าใจ คือถ้าไม่โดนด้วยตัวเอง ก็จะไม่รู้ไม่เข้าใจ"

    ทุกคนวันนี้เราหันกลับไปมอง และเราคิดว่าความผิดเกิดจากตัวเรา    
    "ผมบอกอยู่เสมอว่าปัญหาเกิดจากตัวผม แต่พอมองหันกลับไป เราก็ได้ข้อคิดจากเรื่องเหล่านั้นมาใช้ในชีวิตต่อไป แต่ถามว่าถ้าย้อนกลับไป เราจะแก้ไขอะไรที่มันผ่านมาแล้วไหม เราตอบไม่ได้ เพราะมันไม่สามารถย้อนกลับไปได้แล้ว ตอนนี้มันมาข้างหน้าแล้ว เราต้องทำให้ดีที่สุด เอาที่ผ่านมา มาแก้ข้างหน้า"

 

    ที่ผ่านมาเราอยากจะขอโทษใครไหม    
    "มีเวลาไหมล่ะ เพราะถ้ามีเวลาจะได้ลิสเลยว่าต้องขอโทษใครบ้าง ต้องขอโทษหลายคน เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าต้องขอโทษอะไรเขาบ้าง"

    ณ วันนี้เรายังทำหน้าที่พ่อไปด้วย    
    "ตอนนี้ก็เต็มที่ครับ ไม่ให้ขาดหรือเกินไปในเวลาที่เรามี เราก็ใช้อย่างเต็มที่ ถามว่าห่วงไหม ไม่ห่วงเลยนะ เพราะเขาได้ความรักอย่างเต็มที่จากแม่ของเขา ดูแลเป็นอย่างดี ผมมั่นใจ เพราะเห็นอยู่แล้วว่าแม่เขาเลี้ยงลูกได้เป็นอย่างดีมาก อย่างที่ทุกคนเห็น"

 

    คำถามที่คนอยากรู้ว่าเราจะแต่งงานสายฟ้าแล่บไหม
    "ก็อย่างที่พูดไว้ต้องเริ่มจากตัวผมให้นิ่งก่อน ตอนนี้ตัวผมนิ่งแล้ว ในส่วนเรื่องงานก็ให้มันแข็งแรงก่อน ก่อนที่จะดึงใครมาร่วมชะตากรรม"

    ระยะเวลาการคบกันเป็นสิ่งสำคัญไหม  ในการที่จะดึงใครมาเป็นคู่ชีวิตตอนนี้ 
    "แน่นอนครับ หลายๆ มันซื้อไม่ได้ บางอย่างเร่งรัดไม่ได้ และเรื่องความรัก เรื่องแต่งงานเป็นสิ่งที่ผมคิด ก็ต้องใช้เวลา (แต่มองไหม? ว่ามันต้องเร็วๆ นี้) (หัวเราะ) ถ้าผมพร้อมก็คือพร้อมเลย ติดอยู่ตรงที่ว่าผมพร้อมเมื่อไร แต่ก็ตอบอะไรไม่ได้เลย (แต่ดูตอนนี้เหมือนพร้อมมากนะ?) อันนี้ขอไม่ตอบได้ไหม (หัวเราะ)"