(คลิป) 'พชร์' ประกาศไม่ให้อภัย 'นิก' ยันไม่มีอะไรเกินเลย
"พชร์" อานนท์ ชัดเจนไม่ให้อภัย "นิก" คุณาธิป ปล่อยให้ทนายเป็นคนดำเนินทางกฎหมาย ยอมรับเสียใจมาก ยันไม่มีอะไรเกินเลย เพราะไม่มีอารมณ์ทางเพศแล้ว
ทีมบันเทิง คมชัดลึก-หลังเป็นปัญหามาสักระยะกับกรณี “นิก” คุณาธิป แฉ “พชร์” อานนท์ โกงเงินหนัง พร้อมประกาศลงโซเชียลขอสัญญาคืน จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่ ล่าสุด ผู้กำกับคนดัง มาร่วมงานเปิดตัว 12 หนุ่มหล่อ ผู้เข้าแข่งขันรายการ “Superboy Project Presented by GSB” ที่เซ็นทรัลเวิล์ด ได้ชี้แจงว่า
(พชร์ อานนท์)
อยากให้เราพูดถึงประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้น ?
“จริงๆ เราก็ไม่มีอะไรหรอกนะครับ เพราะเราก็แค่รับงานนี้ ทำงานนี้ตามปกติ เดินสายออกหาเด็กตามต่างจังหวัดกับโปรเจคต์ซูเปอร์บอย แต่อยู่ดีๆ ก็มีข่าวออกมา และมันทำให้เรางงมาก เพราะมันไม่จำเป็นที่จะต้องพูดตรงนั้นเลย เขาสามารถคุยกับเราโดยตรงได้ แต่อยู่ดีๆ ก็ออกมาโพสต์นู่นโพสต์นี่ เราก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว ซึ่งทุกอย่างก็เป็นตามข่าวเลย”
หลายๆ ข้อที่เขาพาดพิงเรา จริงๆ แล้วมันเป็นยังไงบ้าง ?
“คือเรื่องของสัญญามันไม่ได้ยกเลิกกันง่ายๆ เพราะไม่อย่างนั้นดาราเมืองไทยถ้าหากจะยกเลิกสัญญา ก็คงออกมาโวยวายและคืนสัญญากันหมดแล้ว ซึ่งมันไม่ใช่ไง เพราะเรามีสัญญากันอยู่ และเราเองก็ไม่เคยทำผิดสัญญาด้วย”
พอจะบอกได้ไหมว่าเขามีสัญญากับเราทั้งหมดกี่ปี ?
“เขาเซ็นกับเราทั้งหมด 5 ปี แต่ 5 ปีแรกมันหมดไปแล้ว และเขาก็เซ็นใหม่ ซึ่งสัญญาใหม่เขาเพิ่งจะผ่านไปแค่ 2 ปี ยังเหลืออีก 3 ปี”
มันมีข่าวออกมาว่าเราปิดกั้นช่องทางการติดต่อของเขาทุกช่องทาง เขาก็เลยต้องโพสต์แบบนั้น ?
“เขาก็รู้จักบ้านเรานะ และทำไมคนอื่นยังติดต่อเราได้ล่ะ มันมีหนทางที่จะเจอเราได้อยู่แล้ว บ้านเราไม่ได้ย้ายไปไหนเลย แถมตัวเขาเองก็ยังไปบ้านเราบ่อย อย่างเวลาไปเปลี่ยนชุดออกงาน หรือไปแต่งหน้าทำผม เขาก็ไปทำที่บ้านเราประจำ ถ้าหากเขาจะไปบ้านเราจริงๆ เขาก็ไปได้”
สาเหตุที่อยู่ดีๆ เขาก็อยากขอคืนสัญญา มันเกิดปัญหาอะไรขึ้น ?
“มันไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย เพราะเราเองก็ไม่ได้ผิดสัญญากับเขา เราทำทุกอย่างถูกต้องทั้งหมด 7 ปี ให้งานหนังเขาไปแสดง 13 งาน แถมยังมีงานโฆษณา และงานอื่นซึ่งถือว่าเยอะมาก”
ตัวเขาเองเคยพูดถึงเรื่องการยกเลิกสัญญากับเราก่อนหน้านี้ไหม ?
“ไม่เคยเลย ไม่เคยเลย คือเรื่องสัญญามันไม่ใช่เรื่องที่จะยกเลิกกันง่ายๆ และก็ไม่ใช่แค่เฉพาะเราอย่างเดียว มันเป็นทุกบริษัท ไม่อย่างนั้นดาราที่เขาเซ็นกับบริษัทใหญ่ๆ และอยากยกเลิกสัญญา เขายกเลิกกันได้เลยเหรอ มันไม่ใช่”
แต่ด้วยความที่ปัญหามันใหญ่ขนาดนี้ คนก็เลยมองว่าเป็นเพราะเรื่องเงิน ?
“ไม่ใช่หรอก ต้องคิดดูด้วยนะเขาทำงานกับเรามาทั้งหมด 7 ปี เราให้เงินเขาไปประมาณเกือบ 10 ล้าน ถ้ารวมหนังเรื่องหนึ่ง และเงินแสนกว่าบาทแบบนี้ เอ่อ...มันไม่ใช่ ถ้าเราจะโกง เราโกงตั้งแต่ 10 ล้านเลยไม่ดีเหรอ จะมาโกงอะไรกับเงินแสนกว่าบาท ซึ่งการที่มาบอกว่าเราโกงเงิน มันไม่ใช่”
ตัวเราเองคิดว่าเพราะเหตุผลอะไรถึงทำให้เขาอยากยกเลิกสัญญา ?
“ต้องไปถามเขาเองมันไม่เกี่ยวอะไรกับเรา”
(นิก กับ ทนาย )
ครั้งล่าสุดที่เราคุยกับนิกคุยกันยังไงบ้าง ?
“ก็คุยกันเรื่องการมาโปรเจคต์ซูเปอร์บอยนี่ล่ะครับ เพราะเราก็มาคุยกับคุณโอ๋เจ้าของงานให้ ถามเขาว่าจะเอานิกมาด้วยได้ไหม คิดไม่แพงหรอก 30,000 บาท งานหนึ่ง ซึ่งคุณโอ๋เขาก็บอกว่า เอามาเลย เอามาช่วยกัน แต่พอเรากลับไปถามเขาว่าจะมาไหม เขาก็บอกว่าเขาไม่ไปเพราะเขาติดเรียน เราก็เลยโอเค ไม่เป็นไร แต่ตอนนั้นเราแค่สงสารเขา เห็นเขาอยู่ว่างๆ ก็อยากให้มาด้วยกัน คือเราไม่ได้บังคับอะไรเขาอยู่แล้ว”
เรื่องที่เขามีแฟน มันมีผลต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือเปล่า ?
“การที่เขามีแฟนเราไม่ได้ห้ามเลยนะ แต่เขาก็ต้องเลือกคนที่เขาคบด้วยหรือเปล่า เพราะถ้าหากคบแล้วดึงเขาลง ก็อย่าไปคบ แต่ถ้าคบแล้วทำให้เขาดีขึ้น ก็คบต่อไป เพราะที่ผ่านมา 7 ปี เขาก็มีแฟนมาแล้ว 2-3 คน ซึ่งเราก็ไม่เคยจะว่าหรือจะอะไรเลย”
หลายคนก็มองว่าแฟนเขาอาจจะเป็นคนที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ ?
“อันนี้เราไม่รู้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาคุยอะไรกันบ้าง เพราะเราก็ทำงานของเราตามปกติ”
จากข้อมูลที่ออกมาทั้งฝั่งเราและฝั่งเขา มันเหมือนจะไม่ตรงกันสักเท่าไร ?
“ถ้าเขาบอกว่าเราแต่งเรื่อง ก็แสดงว่าเราตอแหลแล้วแหละ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเราไม่ได้แต่งเรื่องเลย เราพูดความจริงทุกอย่าง อย่างเรื่องที่เขาบอกว่าเราไม่ได้จ่ายเงิน เราก็ต้องชี้แจง ทุกอย่างมันคือการชี้แจงมากกว่า ว่าเราไม่ได้จ่ายตรงไหนหรืออะไรเป็นยังไง คือเราอธิบายทุกอย่างได้หมด เพราะเรามีหลักฐาน เราทำงานเป็นบริษัท”
เห็นว่าทางเขาเองก็สำนึกผิดและอยากจะขอโทษเราด้วย ?
“สำนึกผิดหรือเปล่าอันนี้เราก็ไม่รู้ แต่ตอนที่เขาเอาทนายความออกมา เราก็ได้คุยกับทนายความเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน และตอนนี้ก็เป็นเรื่องของทนายความแล้วที่จะฟ้องหรือไม่ฟ้อง แต่เห็นทนายบอกว่าฟ้องเรียบร้อยแล้ว”
(พชร์ และ ทนาย )
แสดงว่าทางเราเองก็จะไม่หยุดเหมือนกัน ?
“เราไม่หยุดไม่ได้ และจริงๆ เราก็ไม่ได้จะไม่หยุดด้วย เพราะเราหยุดมาตั้งนานแล้ว เราไม่ได้ยุ่งอะไรกับใครเลย แต่ในเมื่อเขามากล่าวหาพี่เสียๆ หายๆ เราก็ต้องฟ้อง เพราะเราถูกหมิ่นประมาท”
เหมือนเขาบอกว่าขอไม่เอาเงินทั้งหมดที่เราค้างอยู่ แต่เขาเอาสัญญาคืน ?
“เราจะไปค้างเขาเรื่องอะไร เพราะมันเป็นค่าตัวที่เราจะต้องจ่ายอยู่แล้ว ถูกต้องไหม และที่เราจ่ายไปมันก็รวมอยู่ในค่าตัวอยู่แล้วด้วย เขาเล่นหนัง 10 คิว ก็ค่าตัว 500,000 บาท ถูกต้องไหม แต่ที่เมื่อก่อนได้มากกว่านั้นก็เพราะคิวเขาเยอะ แต่ตอนนี้คิวเขาน้อยลง”
ตามข่าวที่ออกมาเหมือนว่าเราค้างค่าตัวอยู่เกี่ยวกับหนังเรื่องสงกรานต์ ?
“อ๋อ มันไม่ใช่ อันนั้นคือความเข้าใจผิดกันแล้ว”
ตัวเราก็ยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจาหรือไกล่เกลี่ยใช่ไหม ?
“คือเราเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาต้องเข้ามาเจรจากับเรานะ เพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิด ในสัญญาเราก็ป้อนงานทุกอย่าง มีงานทุกอย่าง ไม่ได้ทำอะไรผิด เขาต้องมาเคลียร์กับเรา ไม่ใช่ให้เราไปเคลียร์กับเขา”
ในอนาคตถ้าถ้านิกเดินเขามาคุยด้วยตัวเองล่ะ ?
“คงไม่แล้วล่ะ เพราะเราให้ทนายความจัดการหมดแล้ว คือเราจะไม่ยุ่งแล้วไง เราต้องทำงาน ต้องมาร่วมงานกับที่นี้เขา ก็ไม่อยากให้มันมีปัญหาอะไร”
(นิก คุณาธิป)
แสดงว่าตอนนี้ไม่สามารถไกล่เกลี่ยได้แล้วใช่ไหม ?
“ต้องถามทนาย เพราะตอนนี้พูดอะไรเยอะไม่ได้ เรื่องมันอยู่ที่ศาลแล้วครับ”
จะไม่ร่วมงานกันแล้วใช่ไหม ?
“ไม่ร่วมแล้วครับ”
ถ้าเขามาขอไกล่เกลี่ย เราจะยอมไหม ?
“คือมันต้องคุยกันที่ศาลแล้วครับ เพราะว่าเรื่องมันไปถึงขนาดนี้แล้ว เราก็พูดตามปกติ เราก็อธิบาย ที่เราออกมาเราชี้แจงเฉยๆนะ แต่พอมันเอาทนายความมายืน เอามาถ่ายคู่ด้วย เราก็จัดให้ จัดทนายความให้ เรื่องไกล่เกลี่ยก็ต้องคุยกับทนายเลย เพราะเราจ้างทนายความเดชาไปแล้วครับ”
เรายังโกรธตัวน้องเขาอยู่ไหม ?
“คือไม่ได้โกรธหรอกครับ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ เพราะว่าตอนที่เขาเข้ามาใหม่ๆ เขาก็ดีกับเรานะ พอมา 2 ปีแล้วหลัง ที่มีเรื่องมีราวอะไรกันเข้ามาเนี่ย รู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไป แล้วก็เถียงตลอด เราก็รู้สึกว่าเอ๊ะ มันไม่ใช่นะ มีอะไรก็มาคุยกัน เราพยายามคุยไลน์ผ่านทีมงานเรา ว่าเจอกันไหม เขาก็บอกเจอไม่เจอก็ไม่ได้แล้วล่ะ เราก็เออ ไม่เจอก็ไม่เจอ เพราะว่าบ้านเราอะ หาง่ายจะตาย แล้วทำไมคนอื่น นักขงนักข่าวหาเราเจอ ทำไมเขาตามเราไม่เจอ ทั้งที่เขาสนิทกับเรานะ”
คิดค่าเสียหายไหม ?
“อันนั้นขึ้นอยู่กับทนายความ”
ให้อภัยน้องเขาไหมตอนนี้ ?
“คือให้อภัยหรือไม่อภัย สมมติว่าอยู่ๆ วันหนึ่งเราถูกด่า จนทุกคนเข้าใจผิด จนคนในโซเชียลมารุมด่าเราอย่างนี้ แล้วอยู่ๆ เราให้อภัยเขาเหรอ มันไม่ใช่ ซึ่งเขาเป็นเด็ก แล้วเราให้เขามาตลอด คือไม่ได้ทวงบุญคุณหรือยังไงนะ ตลอดระยะเวลา 7 ปี ที่เขามาทำงานกับเรา เขามีบ้าน มีรถ มีทุกสิ่งทุกอย่าง เราให้เขา ถ้ารวมเป็นเงินก็เกือบ 10 กว่าล้านอะ แล้วอยู่ๆ มาบอกว่าเราโกงเงิน 100,000 บาท ถ้าเป็นเรานะ แสนหนึ่งถ้าเราโกงจริงๆ นะ เราไม่เอาหรอก เรายกให้”
เขาบอกว่าเราอารมณ์ร้อน ชอบไปด่าเขา ?
“เราด่าทุกคน ไม่ได่ด่าคนเดียว ไปถามพวกดาราใหญ่ๆ ที่เล่นหนังกับเขาด้วย เราด่าดาราเราทุกคน ไม่ได้ด่าแต่เขา คือมันเล่นไม่ได้ เราก็ต้องด่าถูกต้องไหม ใครไปกองถ่ายเราจะเคยเห็น เราด่าแหลก ไม่ได้ด่าคนเดียว ด่าทุกคน”
(นิกและสาวข้างบ้านที่เป็นข่าว)
แสดงว่าเราคิดว่าสาเหตุที่เขาเปลี่ยนไปคือเรื่องความรักด้วย ?
“ไม่รู้อะ เพราะเราอะไรเราก็ไม่รู้ แต่ 2 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่มีปัญหานี้เข้ามา เขาก็เปลี่ยนไป ดูเปลี่ยนเลย เมื่อก่อนจะไหว้ พูดแล้วฟัง แต่ตอนนี้พูดแล้วไม่ฟัง เถียง แต่เราก็ตัดปัญหาไง คือไม่คุยไม่ยุ่งดีกว่า บล็อกเลย เราไม่ได้บล็อกเขาคนเดียวนะ เราบล็อกเด็กๆ เราหลายคนเลย ถ้าคุยไม่รู้เรื่องก็บล็อก เราไม่อยากฟังเรื่องส่วนตัวไง ถ้าคุยเรื่องงานเราก็จะเปิดบล็อก แล้วก็จะคุย พอคุยจบเราก็บล็อกต่อ เพราะว่าเราเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ไม่ใช่เขาคนเดียว”
เราเข็ดกับการปั้นเด็กไหม ?
“คือเสียใจมากกว่า เสียความรู้สึกว่าเด็กคนนี้ เราไม่ได้พิศวาสอะไรมันเลยนะ แต่เราให้เขาเต็มที่ มีงานอะไรคนอื่นยังรับบ้าง ไม่รับบ้าง แต่เด็กคนนี้เราให้หมด เล่นหนังทุกเรื่อง คิดดูว่า 7 ปี 13 เรื่อง เยอะแค่ไหน เยอะมาก ขนาดดาราดังๆยังไม่ได้ขนาดนี้เลย”
เขาบอกว่าเขาไม่ได้เอ่ยปากขอ เราเป็นคนเสนอให้เขาเอง เขาอยากไปเรียน เราก็ให้ถ่ายแต่หนัง ?
“เหรอ ไม่ๆ เขาอยากไปเรียน ไปถามมหาวิทยาลัยรังสิตก็ได้ว่าเขาไปเรียนบ้างหรือเปล่า”
ที่เขาบอกว่าเราเป็นคนบังคับให้เขาเล่นหนัง จริงไหม ?
“ถ้าคนเรามันไม่เล่น บังคับยังไงมันก็ไม่เล่น ที่พูดว่าให้เขาเล่นเป็นคนพิการ ถ้าเขาไม่เล่นเขาก็ไม่พิการ ถูกต้องไหม เขาก็เต็มใจเล่น เหมือนกันเซ็นสัญญาเขาก็เต็มใจเซ็น ถ้าอยู่ๆ เราไปจับมือมาเซ็น มันก็ไม่ใช่ไง คือตอนนี้เขาพยายามพูดทุกอย่าง ให้เราผิดสัญญาไง แต่จริงๆ เราไม่ผิดเลย เรามีหลักฐานหมด แล้วเราก็ไม่เป็นไร เราก็คิดว่าปล่อยเขาไป ปล่อยเขาไปหมายถึงว่า อย่ามายุ่งกับเรา”
ถ้าน้องมาขอโทษจะหายไหม ?
“ไม่ๆ คือสังคมไทยจะเป็นแบบนี้ พอเด็กทำผิดก็ให้อภัยๆ เราก็ต้องสั่งสอนเด็กมันบ้างหรือเปล่า ว่าสิ่งที่คุณทำมันไม่สมควร ไม่งั้นก็ให้อภัยกันตลอดทั้งชีวิตสิ อะไรที่มันยอมได้เราก็ยอม อะไรที่มันไม่ใช่เราก็ต้องบอกว่ามันไม่ใช่นะอย่างนี้”
แชทล่าสุดของเขาที่หลุดออกมาเราโมโหไหม เหมือนจะขอโทษ แต่สุดท้ายก็ฟ้องเลย ?
"อันนั้นแหละไปหาทนาย เรื่องแค่นี้ทำไมเอาทนายมาขู่ ถ่ายรูปทนาย ก็เลยจัดให้"
กลัวทนายเขาไหมเพราะทางนั้นมั่นใจมาก ?
"กลัวทำไมล่ะ เราไม่ได้ทำอะไรผิด"
แต่หลายคนก็มองว่าทั้งหมดนี้เป็นการโปรโมทอะไรหรือเปล่า ?
"ไม่ได้โปรโมท ไม่เคยโปรโมท อยู่เฉยๆ นะ ไม่ได้เป็นคนเริ่มต้นนะ ทำงานอยู่เฉยๆ แล้วมันก็มีเรื่องขึ้นมา"
ในมุมของเราตอนนี้ก็คือต้องจบที่ศาลเท่านั้น ?
"มันไม่ได้จบที่ศาลและก็ให้ทนายความจัดการ เพราะเราไม่รู้ว่าอันไหนผิดอันไหนถูกบ้าง เรามีทนายความแล้วอันไหนที่ทำให้เราเสียชื่อเสียง แต่ตอนนี้เราก็ยื่นโนติสแล้ว สัญญาเขาก็เหลืออีก 3 ปี เรายื่นโนติสว่าใครที่จ้างงานก็ไม่ฟ้องเด็กหรอก เราจะฟ้องคนจ้าง เพราะเด็กไม่มีเงิน ก็มีงานป้อนอยู่ให้"
แต่เราบอกว่าจะไม่ร่วมงานกับเขาแล้ว ?
"ถ้าเขามาทำก็มาทำ ถ้าเขาไม่มาทำก็ไม่รู้ว่าเขาจะยังไงของเขา แต่เรายังมีงานให้เขาอยู่ ก็ด่าทุกคนอยู่แล้วไม่เชื่อไปถามเด็กๆ ที่อยู่กับเรา เราไม่ได้มีเด็กแค่คนเดียว เรามีหลายคน มันก็โดนด่าทุกคน"
ล่าสุดเอา บาส สุรเดช มาเล่นหนัง คนก็เลยมองว่าเขาเป็นต้นเหตุ ?
"บาสไม่ได้เป็นต้นเหตุ เราก็คุยกับผู้ใหญ่ก็คือคุณโอ๋ คุณโอ๋เขาเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายบาส ก็คุยกันว่าเรามาทำโปรเจคซูเปอร์บอย เราจะร่วมกันทำหนังและเอาบาสมาเล่น"
สรุปคอนเฟิร์มว่าบาสเล่นชัวร์ ?
"เล่นอยู่แล้วครับ เพราะตอนเรามาคุยกันครั้งแรก ก็เห็นว่าจะมีหนัง 2 เรื่อง"
ย้อนกลับไปที่เรื่องฟ้องร้อง พอจะบอกไก้ไหมว่าเราฟ้องข้อหาอะไรบ้าง ?
"อันนี้แล้วแต่ทนายความ ต้องถามทนายความเดชา เราจ้างเขาแล้วให้มาดูแล อะไรที่มันฟ้องได้ก็ฟ้องเลย"
ความมั่นใจของฝั่งเรากี่เปอร์เซ็นต์ ?
"มันก็มั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์สิ เราไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเขา แต่อยู่ๆ เขาออกมาโพสต์ด่าเรา ไม่ต้องอะไรมาก คือถ้าเป็นนักข่าว ที่อยู่ดีๆ ก็มีคนมาด่าโครมๆ และคนก็มาช่วยรุมด่าอีก จะโกรธไหมล่ะ คิดง่ายๆ แต่อันนี้ไม่โกรธมากนะ แค่เสียใจมากกว่า เสียใจเป็นร้อยเท่ามากกว่า"
ล่าสุดเห็นว่าเราเข้าไปขอขมา อาจารย์ยิ่งศักดิ์ ด้วย ?
"จะตีกับเขาทั้งวงการเลยใช่ไหม อาจารย์ยิ่งศักดิ์ไม่ได้มีปัญหาอะไรแล้ว แค่งอนกันนิดหน่อยเมื่อปีที่แล้ว ตอนที่แกไม่สบาย แต่เราจะถ่ายหนัง ซึ่งแกไม่สามารถมาได้ เราก็เลยต้องเสียค่ายกกอง และก็บอกอาจารย์ว่าไม่มาก็ไม่เป็นไร งานอาจารย์สำคัญ แต่งานคนอื่นไม่สำคัญ ก็งอนกัน แต่สุดท้ายก็มาคุยกัน เราก็ขอโทษอาจารย์เพราะเราเป็นเด็ก เรารู้ว่าเราผิด เราก็ขอโทษ"
แล้วถ้าน้องเขามาขอโทษเราบ้างล่ะ .
"ไม่อันนั้นมันคนละกรณีกัน อันนั้นเรามีเหตุผล"
ยืนยันว่าไม่ให้อภัยเขาแน่นอน ?
"อันนี้ต้องไปถามทนายความ เสียใจ เสียความรู้สึกมากเลย เราไม่เคยให้ใครเยอะขนาดนี้ โดนขนาดนี้เราก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น"
แต่คนมองว่าเพราะ แตงโม นิดา ก็มีส่วนด้วย ?
"บุคคลที่ 3 อย่าไปพูดถึงเขาเลย เพราะว่าเรื่องนี้มันเกิดมา 2 ปีแล้ว มันไม่ได้เพิ่งเกิด เราพยายามตัดไม่รับฟังเรื่องส่วนตัวเขา เราคุยกันแต่เรื่องงานและเราก็บล็อกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เปิดเฉพาะคุยกันเรื่องงาน ไม่อยากให้แบบว่าเอาเรื่องส่วนตัวมายุ่ง ไม่ชอบด้วยเพราะมันไม่ดี ไม่เข้าไปหามันดีกว่า"
คิดว่าเป็นเพราะเขาไหม หึงหวงหรือเปล่า ?
"ไม่ได้หวงเพราะไม่ใช่ผัว เราไม่เคยพิศวาสอะไรเด็กพวกนี้เลย แต่ที่ให้ก็เป็นเพราะสงสาร เราก็อยากให้เด็กที่เราปั้นประสบความสำเร็จ มีบ้านอยู่ มีรถใช้ เราก็ช่วยเต็มที่ ส่วนเรื่องพิศวาสไม่มีแล้ว เพราะแก่แล้ว"
ยืนยันปัญหาที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับเรื่องชู้สาว ?
"เราไม่มีจะได้ไปแย่ง เขาโตแล้ว เขาก็ต้องคิดเองเรา ไม่อยากยุ่งเรื่องพวกนี้ไง"
สรุปก็คือเจอกันในศาล ?
"แล้วแต่ทนายความ ตอนนี้ทนายความเดชาเขาทำเรื่องอยู่ น่าจะมีนัดประมาณเดือนตุลา เห็นทนายความเขาบอกเรานะ"
อยากบอกอะไรน้องเขาไหม เขาอยากติดต่อเราแต่ติดต่อไม่ได้ ใ
"ก็คือก็ยังรักน้องเหมือนเดิม ไม่ได้โปรโมทอะไรเลย เพราะไม่รู้จะโปรโมทอะไร เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาออกมาพูดมาด่าเราเพื่ออะไร ถ้าใครรู้จักเราก็จะรู้ว่าเราเป็นคนยังไง เราเป็นคนใจดี ขี้สงสาร ถ้าเข้ามาดี มาคุยกันดี เราอาจจะแบบเคลียร์กันได้ อันนี้มาแบบรับไม่ทันก็กลายเป็นเรื่องขึ้นมา คนก่อเรื่องขึ้นมาก็ต้องรับผิดชอบ"
ฝากบอกอะไรคนข้างๆ น้องไหม ?
"ไม่ฝากบอกอะไรเพราะว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา เราไม่ยุ่งอยู่แล้ว"