'นุ้ย เชิญยิ้ม' ไม่คุย 'โหน่ง ชะชะช่า' เพราะเหตุนี้ | คมชัดลึก

          จากกรณีที่ตลกชื่อดัง "นุ้ย เชิญยิ้ม" ร้องเพลง "นะโม" สนุกๆ แต่ถูกองค์กรเครือข่ายชายพุทธ ยื่นหนังสือต่อกระทรวงวัฒนธรรมว่าขัดต่อหลักการประพฤติปฏิบัติของสงฆ์ ล่าสุดรายการ “เรื่องลับมาก (NO CENSOR)” ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.00-14.50 น. ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 วันนี้ (12 ก.ย.) พิธีกรสาวมากความสามารถ "ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี" ได้พาไปล้วงลึกถึงประเด็นดังกล่าว 

 

 

ที่มาเพลงนะโม ความตั้งใจแรกคืออะไร?

        "เพลงนี้ผมไม่ได้แต่งเองครับ หลวงพ่อก็ไม่ได้แต่งเอง ไปได้มาจากอาจารย์ลิเกท่านหนึ่ง มีเพลงอะไรดังๆ เขาก็เอามาแปลง วันนั้นท่านได้รับบทเป็นพระลิเก พระตลก ก็แต่งเพลงนี้ขึนมา แต่ร้องในคณะลิเก ไม่ได้เผยแพร่ที่ไหน ผมก็เลยถามท่านและขอ เอามาดูเนื้อแรงไปนิดนึง เนื้อเต็มแรงกว่านี้ครับ ออกอากาศไม่ได้ เอามาปรับเปลี่ยนบิดซะใหม่ ท่อนสุดท้ายก็สอดแทรกให้คนไปบวชจริงๆ ประพฤติปฎิบัติยังไง ถ้าละกิเลสไม่ได้ก็อย่าไปบวชให้เสียผ้าเหลือง"

 

ตอนไปซื้อเนื้อ ซื้อมาเลย?

        "ผมตั้งใจอยู่แล้ว อยากได้เพลงนี้ ขอฟังเนื้อเต็มๆ หน่อย ท่านก็ส่งมาให้ เราก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ ให้ออกอากาศได้"

 

จ่ายเงินซื้อลิขสิทธิ์เรียบร้อย?

       "จริงๆ ท่านก็ไม่เอาหรอก แต่คนเราทำอะไรลิขสิทธิ์ทางปัญญา ก็ให้เกียรติท่านและเคารพนับถือท่าน ก็ให้ท่านเก็บไว้ใช้ ก็ไม่ได้เซ็นอะไรมากมาย เหมือนให้พ่อ ให้ญาติผู้ใหญ่ใช้"

 

เนื้อที่บอกว่าแรง แรงขนาดไหน?

         "อันที่ตัดออก พูดได้เหรอ (หัวเราะ) มีเรื่องพระกับโยมจึกๆๆ ก็เอาออก ทิ้งหมดเลย เพราะมันออกอากาศไม่ได้ เราฟังเองมันก็แรง"

 

 

รู้สึกยังไง พอเพลงออกมาถูกต่อต้านหนัก?

        "อาจไปทำร้าย หรือมีอคติทางจิต ที่เขาบอกมา จริงๆ ผมไม่ได้ตั้งใจลบหลู่ศาสนา ผมกราบพระ สวดมนต์ก่อนนอนทุกวัน แต่ในเพลงที่บอกไป คือเตือนพระที่ไม่ดี"

 

ถ้าฟังจบเพลง จะรู้ว่าความตั้งใจจริงคืออะไร?

         "ครับ ต้องการเตือนคนที่กำลังจะไปบวชหรือคนที่กำลังบวชอยู่ ก็อยากให้ฟังให้จบเพลงก่อน บางคนบอกเอานะโมมาทำเสียหมด เอามาเต้น ทำสนุกสนาน ก็เหมือนหลวงพ่อที่เทศน์ต่อหน้า เขาเรียกญาติโยมให้ฟัง สะดุดหู เอ๊ะ ร้องอะไร ทำอะไร แล้วก็เข้าธรรมะสอดแทรก ต้องทำอะไรให้สะดุดหูก่อน ตอนท้ายก็อ๋อ เป็นแบบนี้"

 

 

เสียใจมั้ย ตั้งใจดีแต่คนว่าร้าย?

        "ความบันเทิงก็ส่วนนึง มีแง่คิดก็ส่วนนึง ก็เหมือนเหรียญสองด้าน ก็มีแง่คิดว่าทำแบนี้ไม่ดี แต่งเพลงแบบนี้ย่ำยีศาสนา ลบหลู่ แต่อีกส่วนก็บอกว่าดี มีแง่คิด ก็ถกเถียงกันอยู่อย่างนี้ ส่วนตัวผมเองไม่เสียใจ ได้ทำไปแล้ว ตั้งใจทำไปแล้ว"

 

จะลบออกจากยูทูปมั้ย?

         "ยังไม่ลบ เอาไว้ก่อน แต่ที่เคยออกอากาศก็ให้เขาลบไป ไม่เป็นไร ไม่ได้ฝ่อ แต่บางทีคำคอมเมนต์ หรือคำติ ผมทำอะไรไม่อยากให้ใครมาว่า มาด่า แต่ห้ามไม่ได้ เรากล้าทำแล้วก็กล้ายอมรับคำติชม ติผมคนเดียวก็ไม่เป็นไร แต่ลามไปถึงครอบครัว ถึงลูก ถึงเมีย ผมไม่อยากให้ส่วนรอบข้างผมต้องพลอยเจ็บเนื้อเจ็บตัวไปด้วย แม้แต่เพื่อนๆ ที่มาเล่นเอ็มวีก็ไม่อยากให้โดน เขาตั้งใจมาทำช่วยผม ครั้งหน้านะโมไม่ได้ ก็นะจิ๊ นะจ๊ะ  หามุมอื่นไป"

 

 

ตั๊ก ภรรยาให้กำลังใจยังไง?

      "ผมกลับไป ผมถามก่อนเลย แม่ พ่อจะถอดเพลงออกนะ ตั๊กก็ถามว่าทำไม ก็ดีนะ ไม่เป็นไรหรอก ไม่ได้รุนแรงอะไรมากมาย มีแง่คิด สอดแทรก มีคำตักเตือน ผมก็ได้ ผมจะแคร์ความรู้สึกคนในครอบครัวมากที่สุด ภรรยายังไฟเขียวก็เลยลุยต่อ"

 

อยากบอกอะไรฝ่ายต่อต้าน?

       "องค์กรพระพุทธศาสนาอะไรก็แล้วแต่ ก็ขอประทานอภัยด้วย ความคิดเห็นคนเราไม่ตรงกัน ของท่านก็ปกป้องรักษาดูแล ดีอยู่แล้ว ท่านก็ทำให้ดีที่สุด ก็อยากบอกว่ายังมีอีกหลายๆ วัด หลายๆ รูป ที่เข้าไปอยู่ในพระพุทธศาสนา อยากให้ไปตรวจสอบมากกว่าของผมด้วยซ้ำ เขาเข้าไปห่มผ้าเหลือง ไปประพฤติ ปฎิบัติไม่ดี อยากให้เอาจริงเอาจัง เหมือนที่เอาจริงเอาจังกับที่หลายคนออกมาทำแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดอุลตร้าแมน หรือเพลงผม อะไรก็แล้วแต่ ไปตรวจสอบพระที่ไม่ปฏิบัติ เข้าไปเพื่อหวังผลประโยชน์ ทำหน้าที่ของท่านให้ดีที่สุดส่วนของผมที่ท่านติติงมา ผมก็น้อมรับ จริงๆ เป็นความตั้งใจของผมจริงๆ อยากให้ไปสะกิดอะไรหน่อย ไม่ได้ตั้งใจไปทำร้ายพระพุทธศาสนา ผมไม่ได้ว่าศาสนาอะไรเลย แม้แต่นะโม พุทธโธก็ไม่ได้เอามาย่ำยี เพียงแต่ความคิดเห็นไม่ตรงกัน แค่นั้นเอง"

 

มีข่าวเมาท์ว่าคุณมีเรื่องกับโหน่ง ชะชะช่า จริงหรือไม่?

       "พี่น้องบางทีก็มีกระทบกระทั่ง น้อยอกน้อยใจกันบ้าง เราทำงานมาตังแต่เด็กๆ อยู่วงดนตรีลูกทุ่ง ตั้งแต่ 12 13 14 จบ ป. 6 สอบที่ไหนไม่ได้ก็เข้าวงดนตรีเลย เพราะฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี เราเป็นพี่น้องกัน อยู่ด้วยกัน โหน่งคลอดมา อีกปีนุ้ยก็คลอดมา ห่างกันคนละปี เป็นพี่น้องกัน"

 

ทำไมคนมองว่าเกลียดกัน ทะเลาะกัน?

       "อยู่มาตั้งนาน คนยังไม่รู้เลยว่าเป็นพี่น้องกัน คนก็ถามว่าไม่คุยกันเหรอ ทะเลาะกันหรือเปล่า ที่ไม่คุยกัน ไม่พูดกัน มันห่างกันไง จากลูกทุ่งไปอยู่คาเฟ่ จากคาเฟ่ มาอยู่คณะ"

 

 

ถ้าเป็นครอบครัวอื่น พี่น้องกลุ่มอื่นเขาเกาะกลุ่มกัน ตั้งคณะตลกด้วยกัน แต่คุณต่างคนต่างเดิน?

        "ตัวผมเอง โหน่งก็ชวนไปอยู่นะกับพี่ๆ แก๊งสามช่าหลายปีแล้ว แต่ผมขอแยก ไม่ไป ผมอยากมาทางของผม เราคลุกคลีกันมาตั้งแต่เด็ก โหน่งไปสายพี่หม่ำ ผมมาสายพี่เป็ด เชิญยิ้ม ก็แยกกันไป มันก็ห่างๆ แต่บางทีก็หยิบโทรศัพท์คุยกัน บางทีโทรไปโหน่งก็ไม่รับสายเพราะเขาก็ติดถ่ายรายการ ไม่ได้ทำงานเป็นระบบว่าเวลานี้พัก เวลานี้หยุด จะอัดตอนไหนเราก็ไม่รู้ บางทีไม่ได้คุยกัน จะเจอกันก็ตอนงานศพตลกตาย ขึ้นบ้านใหม่ งานญาติบางทีก็ไม่ได้ไป เราไม่ว่างโหน่งว่าง ไม่ได้เจอกัน ญาติพี่น้องยังบอกเลยวว่าเราทะเลาะกันหรือเปล่า ป้าตาย ทำไมโหน่งมา นุ้ยไม่มา มันไม่ใช่ เวลาไม่ตรงกัน  แต่เราก็คุยกันตลอด"

 

ล่าสุดเพิ่งเจอกัน?

         "ล่าสุดไปเจอตอนโหน่งทำร้านก๋วยเตี๋ยว ผมก็ไปถ่ายเก็บภาพอะไรกันไว้ ก็ดี ไม่มีภาพพี่น้องเดินคู่กันแบบนี้ อยู่กันแบบนี้ คุยกันนานๆ แบบนี้ไม่มี  พอได้คุยกันมันก็คิดถึง มันอยู่ใกล้ชิดกัน วันนั้นไปตั้งแต่แปดโมงเช้าอยูักันยันตีสองตีสาม ไม่รู้ทำไมอยู่นานขนาดนัน ก็นั่งคุยกันไปต่างๆ นานา ก็คิดถึง คุยกันไป ก็เหมือนเดิม เหมือนโตขึ้น พอมีภาพนี้อยากเก็บไว้เนความทรงจำ ไม่รู้จะตายจากกันวันไหน ใครตายก่อนจะได้มีภาพให้ลูกหลานได้ดู นี่พี่น้อง นี่ลุง นี่อา"

 

 

ตอนเด็กแสบ เอาพวงมาลัยที่ไหว้บนศาลาไปขาย?

       "รู้ได้ไง (หัวเราะ) เด็กๆ ไม่มีเงินใช้  ตาทำงานอยู่รพ.พระมงกุฎ ยายไม่ได้ทำอะไร เป็นหมอนวดแผนโบราณ ตาทำอาหารให้ผู้ป่วยเตียงโน้นเตียงโน้น ความเป็นเด็กอยากมีเงินใช้ รพ.นี้เป็นรพ.ทหารไปรบมีอุบัติเหตุ ประสบอุบัติเหตุจะมาเข้ารพ.นี้เพื่อรักษา คนที่อยากหายก็ไปบนบานศาลกล่าว บางทีมีไก่มาเป็นถาดๆ มีหมูมาเป็นตัวๆ เป็นหัวเลย เขาก็เอาพวงมาลัยมาไหว้ ก็รอธูปจุดหมดดอก บางคนก็ไม่รอของกลับ พวกเราก็ไปรอธูปหมดดอก เอาของมากินกัน ส่วนที่เอาไปขายคือพวมาลัย เพราะมันยังสดอยู่ เราก็เอาไปขายที่อนุสาวรีย์ชัย เมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว คนอื่นขายพวงละ 5 บาท ของผม 3 พวง 10 ไปตัดราคาเขา ขนไปกับโหน่ง ทองที่เขามาแปะหลวงพ่อยังติดพวงมาลัย(หัวเราะ) เขามารุมกับซื้อของเรา แป๊บเดียวเกลี้ยงเลย คนข้างๆ เตะถาดพวงมาลัยเกลี้ยงเลย (หัวเราะ) ไปทับที่เขา ไปขายตัดราคา วิ่งสับกันเลยสองพี่น้อง แต่ก็ไม่เข็ด ก็ทำอยู่แล้วก็ได้ตังค์มาใช้"

 

คุณเคยดมกาว? 

       "เป็นชีวิตวัยรุ่น เหมือนเพลงพี่แอ๊ด คาราบาว ทินเนอร์ ซื้อมาแล้วก็ใส่กระดาษทิชชู่ ติดอยู่หลายปี เกือบ 2 ปี มือเหลืองเลย เพราะมันซึมเข้าไป เข้าใกล้ใครกลิ่นมันบอกเลย ก็เลิกตอนเข้าวงดนตรีลูกทุ่ง เข้าไปเขาไม่ยอมรับ เขาเกลียดเลย กระเป๋าตังค์เขาวางอยู่กลัวขโมย ใกล้ใครก็ไม่ได้ เราก็เลยค่อยๆ ถอยออกมา จนทำให้เขายอมรับ"

 

ทำยังไงถึงเลิกได้?

          "ไม่ว่าจะยาเสพติดชนิดใดก็แล้วแต่ ถ้าคิดจะเลิกมันอยู่ที่ใจ ไม่ต้องมีใครมาบอกมาสอน มาเตือน ต่อให้พ่อแม่ก็ไม่สนใจ แต่ถ้าใจคิดจะหยุด มันก็หยุดได้ อยู่ที่ใจ ไม่ต้องรอใครมาเตือนหรอก คุณพูดให้ปากแฉะก็ไม่หยุด"

 

จริงหรือไม่คุณกลัวเมีย?

       "ใช้คำว่าเกรงใจดีกว่า ผู้ชายหลายคนมีภรรยาแล้ว ไม่อยากทะเลาะกัน ไม่อยากมีปากเสียงกัน ถ้าเราไม่กลัว เราไปขึ้นเสียง มันก็กลายเป็นทะเลาะ เขาดังมาเราก็แผ่วลง ให้เกียรติเขา สุภาพสตรีเป็นเพศเแม่"

 

ใครเป็นคนออกคำสั่งในบ้าน?

"ไม่น่าถาม (หัวเราะ) ภรรยาแหละครับ เขาก็ออกคำสั่งแต่ไม่ได้มาบังคับเรามากมาย"

 

 

คุณเคยเจ้าชู้มาก่อน?

      "ผู้ชายไม่เจ้าชู้ก็เปรียบเหมือนงูไม่มีพิษ มีบ้างวัยรุ่น ผู้หญิงสวยก็ต้องมองแต่ไม่ได้คิดอะไร ดูเพื่อความสวยงาม เห็นขาวๆ ก็เทียบเมียเราที่คล้ำๆ (หัวเราะ) ก็มบ้าง ชีวิตวัยรุ่น ต้องหยุดครับ ไม่หยุดก็ตายสิครับ"

 

กฎสามข้อที่ตั๊กตั้งเอาไว้?

      "เรื่องการพนัน ยาเสพติด ผู้หญิง นี่คือกฎเหล็กเลย กฎรองก็หยุมหยิมๆ อย่าขึ้นเสียง เขาไม่ชอบ ถ้าขึ้นเสียงเขาขึ้นเข่ามาทำยังไง"

 

เคยทะเลาะหนักแบบขอเลิก?

       "ไม่ได้ขอเลิก แต่หอบลูกหอบเต้าหนีไปอยู่กับแม่ เราก็ตามไปง้อ บางทีแม่ไม่ได้เข้าข้างเรา ถ้าจะไปพิษณุโลกก็อย่าผ่านนครสวรรค์ ผมก็ต้องอ้อมไปเพชรบูรณ์เลย แม่ตั๊กดุมาก"

 

หยุดเพราะแม่ยาย?

       "หยุดเพราะตัวเราด้วย"

 

จริงหรือไม่ คุณสองคนอยู่บ้าน ต้องลงอ่างเป็นประจำ?

       "มีอ่างไว้เพื่อเดินเข้าไป เอาวิกผมไปซัก ไม่เคยได้ใช้สักที แต่อาบน้ำด้วยกันบ่อย"

 

 

เป็นความโรแมนติกเหรอ?

      "เขาชอบให้ขัดหลัง  เพราะเขาถูไม่ถึง ก็เลยอาบพร้อมกันนี่แหละ อาบไปก็คุยกันไป งานเป็นยังไง"

 

ใช้เวลาอาบน้ำนานกว่าปกติ?

      "ส่วนมากหนักไปทางคุยมากกว่า ไม่มีอะไรแล้วแต่คนจะเชื่อหรือไม่เชื่อ (หัวเราะ) เราคิดว่ามีอะไรพูดกันตรงนี้ มีอะไรทุกข์เศร้า ไม่ดีก็ล้างไปให้หมด ลงท่อไปวันนั้น"

 

ไม่นอนคุยบนเตียง?

      "ที่มันกว้าง  เราแก่แล้วเราเหนื่อย คุยที่แคบๆ บ้าง"

 

เขาบังคับให้หอมแก้มทุกวัน?

       "ทุกวัน ตั้งแต่แต่งงาน ใครไปทำงานก่อนต้องมาหอม บอกกัน มันเป็นอะไรที่รู้สึกดี วันไหนไม่หอมรู้สึกไม่ดี มันขาดและคิดด้วย ว่าโกรธอะไร ถ้านุ้ยไม่หอม ก็คิด ตั๊กไม่หอมเราก็คิด ต้องมีเคลียร์ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เราก็จะเซ้าซี้เอาจนได้ จนรู้ความคิด"

 

 

ตั๊กทำงานหนักมาก ?

       "กลับบ้านดึก บางทีกลับไม่ตรงกันเลย บางทีผมกลับมาเขาก็นอน หลังๆ บ่นบ่อยปวดตัวปวดขา เราก็นวดขาให้เขาเป็นหมอแผนโบราณ บางทีกดไปจนหลับ นวดปลายเท้า"

 

รักมากแค่ไหน?

       "รักมากที่สุดเลย เขาเป็นนักร้องทีมีชื่อเสียง ผมก็ตลกต๊อกต๋อยคนหนึ่ง เขายังมองเรา ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเป็นคู่สามีภรรยา เขาเหมือนดึงเราขึ้นมาด้วย ตอนนั้นจะไปอยู่ต่างประเทศแล้วนะ เพราะเล่นตลกไม่ได้มีอะไรมากมาย กะไปร้องเพลงที่เยอรมัน แต่ได้บอกรักกัน ตกลงปลงใจกัน ไม่ไปแล้ว ขอตั้งหลักใหม่"

 

มีลูกกี่คน?

       "สี่คน  วางอนาคตเรียบร้อยหมดแล้ว คนโตเป็นหลักเป็นฐาน คนที่สองทำงาน จบปริญญาโท กำลังรอรับปริญญา คนที่สามฝึกงานอยู่ คนเล็กนี่ก็ไม่น่าเป็นห่วง เพราะตั๊กเขาดูแลเต็มที่ เขามีลูกคนเดียว ได้ลูกดี ตั้งใจเรียนมากๆ ภาษาจีนกับอังกฤษก็เก่ง ภูมิใจมาก ถึงเราแยกมามีครอบครัวใหม่ ตอนแรกคิดว่าเขามีปมด้อย แต่เราจะบอกตลอด และใกล้ชิดตลอดว่าพ่อไม่ได้ไปไหน จะมาหา หรือจะให้ไปรับก็ไปได้ ลูกสามคนกับแฟนเก่า มีคนนึงจะมาอยู่กับผม น้องคนที่สอง ก็ขอบคุณตั๊กด้วยที่เขาเปิดใจ ให้น้องเข้ามาอยู่ในบ้านได้"