'โอ๊ต' ออกจากแกรมมี่เพราะสาเหตุนี้
"โอ๊ต" ปราโมทย์ ปาทาน ยันจบสวย หลังไม่ต่อสัญญาไวท์มิวสิก เผยช่วงนี้เนื้อหอม มีคนอยากร่วมงานด้วยเยอะมาก ติดที่ตัวเองไม่มีเวลา
บันเทิง คมชัดลึก - ทำเอาใครหลายคนแปลกใจ หลัง "โอ๊ต" ปราโมทย์ ปาทาน ประกาศกลางงานคอนเสิร์ตไวท์เฮ้าส์ครั้งล่าสุด ว่าจะไม่ต่อสัญญาค่ายเพลงไวท์มิวสิก (White Music) แล้ว ได้พูดคุยกับนักร้องหนุ่มในงานคอนเสิร์ตการกุศลระดมทุนเพื่อวิจัยและพัฒนายาต้านมะเร็ง ที่เซ็นทรัลเวิล์ดได้ความว่า
@@ คอนเสิร์ตไวท์เฮ้าส์ครั้งล่าสุด ถือเป็นคอนเสิร์ตอำลา รู้สึกอย่างไรบ้าง
“จริงๆ พอเราได้ย้อนกลับมาดูก็ใจหายเหมือนกันนะ เพราะผมอยู่แกรมมี่มา 8 ปี พอมันได้ใช้คำว่าไม่ได้อยู่แล้วจริงๆ โห...มันโหวงไปหมด เพราะที่ผ่านมาเราอยู่กับเพื่อนๆ มาตลอด ทุกวันนี้ก็ยังเจอกัน กินข้าวด้วยกัน ทำงานด้วยกัน ปีหน้าผมก็อาจจะมีโปรเจคกับจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ต่อ อาจจะรอดูว่าปีหน้าจะมีอะไรเซอร์ไพร์สพิเศษๆ ฉะนั้น ผมทำงานให้กับทุกคนอยู่แล้ว แล้วเราก็ให้เกียรติพี่ๆ ทุกคนมาโดยตลอด และเราก็เป็นเด็กที่น่ารัก เราไม่เคยมีปัญหากับใคร ทุกวันนี้ก็ยังโทรคุยกันอยู่ จะให้ผมช่วยอะไรก็บอก จะให้ผมดูคอนเทนท์ออนไลน์ให้ก็ได้ ทำเพื่อค่าย คือเราก็อยู่กันเป็นครอบครัว อยู่กันแบบพี่น้อง วันนั้นมีเพื่อนๆ หลายคนแอบน้ำตาซึม ซึ่งคนหนึ่งในนั้นคือ เป๊ก ผลิตโชค คือวันนั้นเป๊กยังไม่รู้ เขาเพิ่งมารู้บนเวทีว่าผมจะไม่ต่อสัญญาแล้ว ทุกคนก็ช็อค บางคนก็เพิ่งได้ร่วมงานกันอย่างน้องเหวยๆ เขาก็เดินมาบอกว่าพี่แฮปปี้นะ ถึงแม้จะทำงานร่วมกันแป๊บเดียวแต่ก็มีความสุขมากที่ได้ร่วมงานกัน เพราะเวลาผมอยู่บนเวที ผมซนมากไง เล่นกับคนนั้นคนนี้ตลอดเวลา”
@@ หลังจากออกจากบ้านชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง
"เหมือนเดิมทุกอย่างเพราะว่ามันก็ยังมีงานที่รับเอาไว้จนถึงเดือนก.พ.ปีหน้าอยู่แล้ว ที่เราต้องเล่น และเป็นคอนแทคเดิมที่ยังรับอยู่ จริงๆ แล้วงานที่รับหลังจากนี้ก็ยังผ่านจีเอ็มเอ็มแกรมมี่อยู่ คือเราไม่ได้มีคอนแทคกับที่อื่น ทุกอย่างก็เลยจบและดำเนินตามครรลองของมันอยู่แล้ว จริงๆ ก็ยังมีงาน “ฮาแทะเล็ม” ที่ทำกับจีเอ็มเอ็มแกรมมี่อยู่ด้วยในคอนเทนท์ออนไลน์ คือมันหมดสัญญาแล้วเราก็ไม่ได้หายไปไหน เราก็ยังอยู่เหมือนเดิม ถามว่าการจัดระเบียบชีวิตยากขึ้นไหม คือผมก็จัดการระเบียบชีวิตด้วยเองมาโดยตลอด ส่วนซิงเกิ้ลและเพลงของตัวเองส่วนใหญ่ก็มาจากไอเดียของเราอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีปัญหา สบายมาก คือถ้าเรามีอะไรให้พี่ๆ เขาช่วยเหลือเราก็จะบอกโดยตรงอยู่แล้ว เพราะเรายังรับงานผ่านพี่ๆ อยู่แล้ว ซึ่งสิ้นปีนี้ผมก็กำลังจะมีผลงานใหม่ ไม่ใช่เพลงค่ายตัวเองนะเพราะผมไม่ได้ตั้งค่าย แต่จะปล่อยเพลงแบบอินดี้ ปล่อยผ่านแชนแนลตัวเองปล่อยเป็นซิงเกิ้ล"
@@ เป็นเพราะเราทำแชนแนลตัวเอง มีรายการตัวเองแล้วมันรุ่งกว่าหรือเปล่า
"เปล่าเลย ผมมองว่ามันเป็นความรับผิดชอบมากกว่า คือการทำเพลงมันคือการรับผิดชอบต่อตัวเอง ผมปล่อยซิงเกิ้ลเพื่อหาเลี้ยงชีวิตตัวเองไปเรื่อย แต่ตอนนี้ผมไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว แต่ผมมีพนักงานอีก 10 กว่าคน การโฟกัสก็เลยไม่ได้เป็นที่เพลงอย่างเดียวแล้ว เราต้องประคองบริษัทให้ไปรอดด้วย บริษัทของผมเป็นเฮ้าส์ทำราย ทำไวรัล คอนเทนท์ออนไลน์ต่างๆ ด้วย จริงๆ แล้วผมจดบริษัทมาหลายปีแล้ว แต่มันเพิ่งจะเป็นรูปเป็นร่างจากพนักงาน 2-3 คนตอนนี้เป็น 10 กว่าคนแล้ว โปรดักชั่น มันก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ก็ต้องขอบคุณสปอนเซอร์และพี่ๆ ใจดีหลายๆ คนที่ให้เรารับจ้างผลิตให้
@@ ออกเพราะมีงานเพลงน้อยกว่ารายการใช่ไหม
“ไม่เลย จริงๆ เพลงเขาก็อยากให้ออกแหละ แต่ผมไม่มีเวลาทำ ที่ไม่ได้ต่อสัญญาเราไม่ได้โกรธกันหรืออะไร แต่เราแค่รู้สึกว่าไม่อยากเป็นภาระ ให้พี่ๆ เขาด้วย เวลาเขาถามผม เขาตามเพลงว่าโอ๊ตเมื่อไหร่เพลงจะปล่อย มีไอเดียหรือยัง คือเราก็ตอบไม่ได้ อีกอย่างคือเราก็ยังเหนื่อยกับการทำงานด้วย กลายเป็นว่าเราไม่อยากให้เขามากังวลกับเราด้วย ฉะนั้นที่ไม่ได้ต่อก็เพราะว่าอยากจะวางแพลนชีวิตตัวเองได้ ว่าเรามีเวลา เราก็ทำเอง ไม่มีเวลา เราก็ทำรายการของเราต่อไป และมันไม่กดดันด้วย ไม่กดดันกับทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นพี่หรือแม้แต่ตัวเราเองด้วย เพราะเราก็เกรงใจพี่ๆ ผู้ใหญ่ที่แกรมมี่ทุกคน”
@@ สัดส่วนการทำงานจะเป็นรายการมากกว่าเพลง
“จริงๆ มันก็ 50/50 นะ เพราะคอนเสิร์ตผมก็ยังรับอยู่ เดือนหนึ่งประมาณ 10 งานอยู่แล้ว เราก็จะเหลือเวลาอีก 20 วัน ใน 20 วันนั้นก็เป็นรายการผมซึ่งมี 7 รายการ อาทิตย์หนึ่งผมก็ถ่าย 7 วัน ทุกวันจันทร์มันก็มี "จันทร์shockโลก" อีก 30 วันก็เต็มแล้ว ผมไม่มีวันหยุดมา 2 ปีแล้ว ยิ่งช่วงนี้ยิ่งหนัก ช่วงนี้งานที่เห็นจะมีประมาณ 2-3 งาน คิวผมมันเต็มไปถึงสิ้นปีแล้ว ตอนนี้ที่ยังรับเข้ามาคืองานยัด คือเรามีงานกลางคืนเราก็ยัดกลางวัน มีงานกลางวันเราก็ยัดกลางคืน ก็จะเป็นอย่างนี้ตลอด”
@@ แล้วแนวเพลงหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร
“ก็จะเป็น อีซี่ลีเซ็นนิ่ง (Easy listening) เหมือนเดิม และเป็นเพลงที่ฟังง่าย และไอเดียมาจากเราและคนที่มองเห็นตัวเราว่าเป็นอย่างไรซึ่งมันก็รู้มือกันอยู่แล้ว มันก็อาจจะสนุกมากขึ้นเพราะพอเราเป็นอิสระแล้วเราก็สามารถที่จะไปฟิตเจอริ่งกับใครก็ได้ ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องสัญญาแล้ว จริงๆ ตอนนี้ก็มีฟิตกับหลายคน มี Yes'Sir Days กับเพลง "สตั๊น (STUN)" ที่เพิ่งปล่อยไป และมีกับน้องส้ม มารี ที่กำลังจะปล่อย และมีกับอีกหลายศิลปินมากที่พอรู้ว่าเราไม่มีสัญญาเขาก็โทรมาชนทำอะไรสนุกๆ กัน ซึ่งเรายังพูดไม่ได้ว่าจะมีไปฟิตกับใครบ้างในตอนนี้ ”
@@ เรียกว่าแพลนงานยาวถึงปีหน้า
"เนื้อหอมมาก (หัวเราะ) แต่เราก็พยายามบอกกับทุกคนว่า ผมจะพยายามรับได้เท่าที่รับไหว เพราะรายการที่เรารับผิดชอบก็เยอะ ซึ่งนอกจากรายการส่วนตัวแล้ว ก็ยังมีรายการที่ลูกค้าจ้างผลิตอีก ไม่ว่าจะเป็น พี่ๆ ด๊อกเตอร์จิว หรือว่าจะเป็นพี่ๆ เครื่องดื่มช้างที่ให้เราทำพวกคลับเฟรนเดย์ ซึ่งเป็นเฮ้าส์ของตัวเองหมด คือถ่ายเอง ตัดเอง สร้างฉากเอง เช่าสตูเอง ซึ่งผมเป็นคนทำเองเกือบทั้งหมด ซึ่งในความเหนื่อยมันเป็นความโชคดีทีเรามีทีมงานเก่ง ไม่ว่าจะเป็นเลขาหรือใครก็ตามที่เราเลือกมา มันทำให้บริษัทมันขับเคลื่อนได้เร็ว และมันก็โตเร็วกว่าที่คิด ตอนแรกผมคิดว่าผมจะจบไตรมาสสุดท้ายที่พนักงาน 10 คน แต่กลายเป็นว่า ตอนนี้มีพนักงาน 15 ซึ่งทั้ง 15 คนเป็นฝั่งโปรดักซ์ชั่นอย่างเดียว ส่วนฝั่งดนตรี ผมต้องดูแลคนอีก 12-13 คน ดังนั้นผมก็เลยต้องบาลานซ์ชีวิตให้ดี ไม่ให้มันโหลดเกินไป เพราะตอนนี้มันหนักมาก ซีรีส์ก็ถ่าย รายการก็ทำ พอมีคนถามว่าโอ๊ตปราโมทย์เป็นอะไร บางทีก็ตอบไม่ถูกเพราะผมทำทุกอย่าง คือผมแค่อยากทำให้ทุกคนที่ดูรายการเรามีความสุขแค่นี้่ก็แฮปปี้แล้ว"
@@ แล้วรายการแชนแนลที่ 2 ที่กำลังจะทำเป็นอย่างไรบ้าง
"ผมคิดว่าจะเริ่มต้นปี ก็จะขยายแชนแนลเพิ่ม และเริ่มผลิตให้คนอื่นแบบเต็มตัว ที่ไม่ได้เอาหน้าตัวเองเอาไปออกละ และจะแบ่งสัดส่วนโดยแฟร์ที่สุด เท่าที่คนอยากจะทำงานกับเราแฮปปี้ คือเงินทองมันเมื่อไหร่หาได้ แต่ความสัมพันธ์มันสำคัญกว่า ก็อยากทำงานกับทุกคนแล้วมีความสุข แฮปปี้กับเราด้วย เราก็จะช่วยดูหลังบ้านให้ ซึ่งอาจจะ 50/50 หรือ 60/40 ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบของการคุย และไม่มีสัญญา ซึ่งตอนนี้มีจ่อทำกับหลายคนมาก คือผมอยากทำกับพี่ป๊อป อยากทำกับกันต์ กันตถาวร คือมันเยอะมาก แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าผมไม่มีเวลาจริงๆ เรียกว่าแชนแนลที่ 2 ก็เป็นการมิกซ์ เป็นการทำเพื่อนคนอื่น และมีเพื่อนๆ หลายคนที่อยากทำงานกับเราอยู่แล้ว และเชื่อมือในทีมงานตัดต่อของเรารวมถึงน้องๆ ในแชนแนลด้วย รายการทุกรายการ พวกผมทุกคนจะช่วยกันดี ซึ่งตอนนี้มันก็สนุกในการที่เราได้ใส่ไอเดีย ซึ่งรายการทุกรายผมจะพยายามตรวจเองเกือบทั้งหมด"
@@ กลัวคนจำภาพเป็นยูทูบเบอร์มากกว่าเป็นนักร้องไหม
"ผมเป็นอะไรก็ได้ ผมไม่ติดเลย ขอให้คนจำเราได้ในแบบที่เขาชอบก็พอแล้ว คือเห็นหน้าโอ๊ตปราโมทย์แล้วเขามีความสุข และหัวเราะ อย่างวันนี้ที่เรามาทำบุญแล้วเขามีความสุข ตลก หัวเราะไม่ว่า จะอยู่กับใครก็ตาม คือว่าผมเคมีสาธารณะอยู่แล้ว ผมอยู่กับใครก็ได้ ผมเป็นคนไม่มีกำแพงกับทุกคนอยู่แล้ว จริงๆ แค่ทุกคนเห็นเราแล้วแฮปปี้ก็โอเคแล้ว "
@@ กลัวไหมถ้าวันหนึ่งอยู่บนจุดสูงสุดแล้วกระแสจะตก
"ไม่เป็นไรเลย ดีเลย ผมจะได้ไปเที่ยวบ้าง จะได้ไปใช้เงินบ้าง คือตอนนี้เราก็พยายามทดแทนในสิ่งที่เราขาด อย่างผมไม่มีเวลาช็อปปิ้ง ผมก็ช็อปปิ้งออนไลน์ และซื้อเลย แพงแค่ไหนก็ซื้อเพราะผมรู้สึกว่าผมหาเงินมาเหนื่อยมาก ในเมื่อเราซื้อขอแพง ใช้เงินเยอะ เราก็ต้องหาเงินให้ได้เยอะกว่า คือมันอาจจะดูใช้เงินเปลืองแต่มันก็คือค่าเหนื่อยที่เราทำงานมา ตอนนี้ก็พยายามซื้ออสังหาฯ ซื้อบ้าน คอนโด เก็บไว้ ตอนนี้มีแพลนว่าจะปลูกบ้านริมทะเลคือแก่ตัวเราจะได้ไปอยู่ และปล่อยเช่าด้วย ตอนนี้คือทำรายการ ร้องเพลง และทำอสังหาฯด้วย แพลนชีวิตผมยาวไกลมาก เกษียณเลย คือผมเป็นลูกแม่ค้า ผมเล่นหุ้นไม่เป็น ซื้อกองทุนไม่เป็น ดังนั้นสิ่งที่ผมทำได้คือเก็บเงินให้เยอะที่สุด ซื้อบ้าน-ซื้อคอนโดให้เยอะที่สุด บางคนก็เตือนว่าอย่าซื้อคอนโดเยอะเดี๋ยวฟองสบู่แตกโน่นนี่ ผมก็จะบอกเขาว่ามันเป็นเงินเย็น ที่เราไม่ได้ไปกู้มาซื้อซึ่งมันไม่มีปัญหากับเราอยู่แล้ว ก็จะพยายามให้เต็มที่"
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-'ญาญ่า' หวง 'ณเดชน์' ฉากใส่ผ้าขนหนูอาบน้ำ
-อิ่มเอิมโมเมนต์หวานสุดขั้ว 'ณเดชน์-ญาญ่า'
-'ดีเจพุฒ'เกรงใจ 'จุ๋ย' ขอเลิฟซีนมีลิมิต
-'โอ๊ต-ปราโมทย์' โสดสนิท ลุยงานสร้างบ้านพักตากอากาศ
-'โอ๊ต' เผย 'ไอซ์' ส่งข้อความเคลียร์
-"ดีเจพุฒ" เปลือยชีวิตหลังแต่ง