'แบงค์' รับผู้ใหญ่เรียกคุย | คมชัดลึก

        บันเทิง คมชัดลึก - เป็นอีกหนึ่งตัวละครใน “รักฉุดใจนายฉุกเฉิน” ที่ถูกพูดถึงไม่น้อย สำหรับตัวละครไท ที่รับบทโดย “แบงค์” ธิติ ซึ่งหลายคนเป็นห่วงว่าเจ้าตัว จะอินกับบทจิตๆ มากเกิน จนหลุดออกมานอกจอ ได้เจอหนุ่มแบงค์ เลยต้องถามถึงประเด็นนี้ รวมทั้งดราม่าร้องเพลงรักติดใจไซเรนเพี้ยน

 

 

        “เห้ย เขาไม่เกลียดผม ผมน่าสงสาร น้องผมตายนะ คือคนอื่นเขามีเรื่องของความรักไง เราก็มีความรักที่เสียน้องไปแล้วก็ฟีดแบ็กกลับมาถือว่าดีเลย ชื่นใจกว่าเราจะเล่นออกมาเป็นคาแรกเตอร์ไทก็ใช้เวลานานเหมือนกัน เครียดมากเหมือนกัน เราใช้เวลาการเตรียมตัวค่อนข้างเยอะมาก ซึ่งก็หลายเดือนกว่าจะคล่อง ถามว่าติดคาแรกเตอร์ไหม ตอนนี้ผมไม่ติดแล้ว ตอนนี้ก็หลุด ช่วงแรกมีติดบ้างเพราะเราอยากเข้าถึงคาแรกเตอร์เลยลองเอาตัวคาแรกเตอร์มาลองใช้ในชีวิตประจำวันก่อนจะเริ่มถ่าย 

 

(ฉากในซีรีส์)

 

         คือเราโชคดีที่แอ็กติ้งโค้ช ครูบิวคอยให้คำแนะนำและคอยชี้ว่าเราต้องรู้นะว่าอันไหนคาแรกเตอร์อันไหนคือตัวเรา ยังโชคดีที่มีคนคอยดูเรา สำหรับตัวเราก็ดีใจนะที่มีฟีดแบ็กมาในทางที่ดี เป็นอีกแบบที่เราไม่เคยแสดงออกมาก็หวังว่าจะมีคนเห็นก็จะเป็นโอกาสให้เราได้รับบทบาทที่หลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม ส่วนตอนจบไม่มีการเปลี่ยนแต่เป็นการเพิ่มรายละเอียดของละครเข้าไป เราตั้งใจทำละครเรื่องนี้มาให้ดีที่สุด บางทีผู้กำกับเขารู้สึกว่าอยากเพิ่มตรงนี้เข้าไปนิดนึงก็มีการถ่ายเพิ่มขึ้นมา ซึ่งก็ทำให้ตัวละครสมบูรณ์มากขึ้นด้วย”

 

        ถามต่อถึงเรื่องดราม่า “แพรวา-ต่อ-เจเจ” และ “แบงค์” ร้องเพลง “รักติดไซเรน” เพี้ยน 

        “ก็เห็นแล้ว (ยิ้ม) ก็ตกใจเหมือนกันเพราะรู้สึกว่างานนี้ค่อนข้างนานแล้ว จริงๆ ก็คือความผิดพลาดของพวกเราเองด้วยที่ไม่ได้ซ้อมกันให้ดี จริงๆ แล้วเราไม่เคยต้องขึ้นเวทีแล้วร้องเพลงรวมกันเยอะขนาดนี้มาก่อน อีกอย่างคือมีเวลาซ้อมน้อยด้วยเพราะตอนนั้นผมก็มีงานกว่าจะได้กลับมาก็มางานวันนั้นเลย ก็เป็นบทเรียนและเป็นความผิดพลาดของพวกเราทั้งสี่คน จริงๆ อยากขอโทษทีมงานและแฟนๆ ที่มาให้กำลังใจด้วยคือที่เราคุยกันตอนแรกว่าเราไม่อยากจะซิงค์เพราะเราอยากเอ็นเตอร์เทนเขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ด้วยความที่อาจจะมีเทคนิคทำให้เราไม่ได้ยินเสียงของตัวเองทั้งสี่คน เราต้องเดินเอ็นเตอร์เทนบนเวทีที่ใหญ่ ได้ยินแค่เสียงตรงกลางก็ทำให้เกิดการผิดพลาดขึ้น จริงๆ ไม่อยากจะโทษอุปกรณ์ อยากจะโทษตัวเองมากกว่าเรื่องการซ้อมแต่ก็อย่างที่บอกมันเป็นบทเรียนครั้งสำคัญของพวกเราทั้งสี่คน ครั้งหน้าจะไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดแบบนี้อีก อะไรที่เกิดข้อผิดพลาดไปแล้วเราก็แก้ไขให้เร็วที่สุดแล้วให้ดีขึ้นให้เร็วที่สุด ผู้ใหญ่ก็มีเรียกไปคุย พอเกิดเหตุการณ์นี้เรารู้สึกว่าเราทำให้แฟนๆ ผิดหวัง อีกอย่างตัวเราเองด้วยที่รู้สึกว่าต้องแก้ไขและทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ”