จำใจกำจัดหมีป่าหลังนักท่องเที่ยวให้อาหารและถ่ายเซลฟี
ทางการท้องถิ่นในสหรัฐต้องกำจัดหมีป่าตัวหนึ่งเพื่อความปลอดภัยของส่วนรวม เพราะมันคุ้นชินกับมนุษย์มากเกินไป
( ภาพ @WCSOOregon )
สำนักงานนายอำเภอวอชิงตัน เคาน์ตี(เขตปกครอง) รัฐออริกอน แจ้งทางทวิตเตอร์เมื่อ 13 มิถุนายน เตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยง หลังได้รับแจ้งว่าหมีตัวหนึ่งอยู่ใกล้กับกลุ่มนักท่องเที่ยว ใกล้กับทะเลสาบแฮก เจ้าหน้าที่พยายามจะพามันกลับเข้าป่า
ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่แจ้งว่า มันกลับเข้าไปในป่าแล้ว
ภาพ @WCSOOregon
แต่แล้ว 2 วันต่อมา สำนักงานนายอำเภอแจ้งความคืบหน้าที่ทำให้ผู้คนใจสลายไปตามๆกันว่า หมีถูกกำจัดแล้ว หลังจากที่มันกลับออกมาอีกในจุดเดิม
“เราเองก็เศร้าใจเช่นกันกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหมีป่าที่ทะเลสาบแฮกก์ นี่เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากของผู้เชี่ยวชาญสัตว์ป่า สำนักงานสัตว์ป่าและประมงออริกอน แต่ต้องทำเพื่อความปลอดภัยของทุกคน การย้ายที่อยู่ไม่ใช่ทางเลือกในกรณีนี้ คนไม่ควรให้อาหารหมีป่า”
ภาพ @WCSOOregon
แถลงการณ์ระบุว่า หมีป่าเคราะห์ร้าย เริ่มเข้ามาใกล้ชิดกับคนมากขึ้น หลังจากนักท่องเที่ยวมักทิ้งอาหารไว้ให้กับมัน
“ออริกอน ไลฟ์” สื่อท้องถิ่น รายงานว่านักชีววิทยาในพื้นที่ที่ถูกส่งเข้าไป เห็นเจ้าหมีตัวนี้กินขนมพวกถั่วกับผลไม้แห้ง อย่างเมล็ดทานตะวันและข้าวโพด เจ้าหน้าที่พยายามสกัดไม่ให้มันกลับไปที่จุดยอดนิยมของนักท่องเที่ยวอีก แต่มันก็ยังคงวนเวียนอยู่แถวนั้นเพื่อหาอาหาร โดยไม่หนีไปขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าใกล้
นอกจากนี้ การที่มีคนจำนวนไม่น้อยเริ่มเข้าไปถ่ายเซลฟีกับหมีป่าขณะกินอาหารที่คนให้หรือทิ้งไว้ ก็เป็นอีกเหตุผลที่น่าวิตก การทำเช่นนั้นอาจสร้างปัญหาทั้งกับหมีและนักท่องเที่ยว
ภาพ @WCSOOregon
ชาวโซเชียลจำนวนมากทั้งโกรธและใจสลายกับชะตากรรมสัตว์ป่า หลายคนตั้งคำถามว่าเหตุใดจึงต้องฆ่าแทนที่จะย้ายมันไปอยู่ที่อื่น เช่น สวนสัตว์ หรือแหล่งอนุรักษ์สัตว์ป่าใดสักแห่ง อีกคนระบุว่า พวกเขาฆ่าหมีเพราะความงี่เง่าและเพิกเฉยของคน “เศร้ามาก หมีถูกกำจัดฐานกินอาหารที่คนให้ ไม่ใช่ความผิดของมันเลย สัตว์ป่าที่บริสุทธิ์ต้องถูกทำลาย
ขณะที่ทางการอธิบายว่า เมื่อสัตว์ป่าคุ้นชินกับคนแล้ว การย้ายที่อยู่ไม่ใช่ทางเลือกปลอดภัยอีกต่อไป
Deputies are working to get this bear cub near Hagg Lake to go back into the woods... please stay away from the area near Boat Ramp A. pic.twitter.com/tI8m5yTbyk
— WCSO Oregon (@WCSOOregon) 13 มิถุนายน 2562