ข่าว

ม็อบฮ่องกงเผาสถานีรถไฟใต้ดิน-บุกทุบธุรกิจจีนหลังแบนหน้ากาก

ม็อบฮ่องกงเผาสถานีรถไฟใต้ดิน-บุกทุบธุรกิจจีนหลังแบนหน้ากาก

05 ต.ค. 2562

รถไฟใต้ดินฮ่องกงเดี้ยง งดบริการจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง หลังม็อบอาละวาดเผาหลายแห่ง ด้วยความโกรธแค้นหลังแบนหน้าหาก

 

( คลิปม็อบรุมทำร้ายตำรวจนอกเครื่องแบบ ) 



หลังจากที่นางแคร์รี หล่ำ ผู้ว่าเขตปกครองพิเศษฮ่องกง งัดกฎหมายอำนาจฉุกเฉินที่ตกทอดจากยุคอาณานิคมมาใช้ออกมาตรการพิเศษห้ามสวมหน้ากากหรือปิดบังใบหน้าในการชุมนุมในที่สาธารณะ มีผลวันนี้ โดยหวังว่าจะช่วยป้องปรามผู้ประท้วงและยุติความไม่สงบต่อต้านรัฐบาลยืดเยื้อมานานหลายเดือน  

 

( ม็อบฮ่องกงบุกร้านเสี่ยวมี่   Liam Stone石立安 

 

แต่คำสั่งห้ามที่ออกมาหลังจากความรุนแรงยกระดับเมื่อวันที่ 1 ต.ค. จากเหตุตำรวจยิงกระสุนจริงใส่ผู้ประท้วง กลับเป็นชนวนโกรธแค้นมากขึ้นอีก ชาวฮ่องกงหลายพันออกมาร่วมประท้วงโดยไม่ได้นัดหมายในเวลาไม่นานหลังการประกาศห้ามสวมหน้ากาก ที่จะมีผลบังคับใช้เที่ยงคืน

 

 

สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ชาวฮ่องกงจำนวนมากเลิกงานมาร่วมประท้วงทันที  บางส่วนปิดถนน เผาธงชาติจีนและบุกทำลายสถานีรถไฟใต้ดินกับธุรกิจของจีน ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาตอบโต้ 

 

 

 


รถใต้ดินฮ่องกงประกาศระงับบริการทุกสายตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ รอประเมินสถานการณ์ก่อน ภาพบนสื่อสังคมออนไลน์แสดงให้เห็นม็อบจุดไฟเผาสถานี

 

 

 

 

และมีคลิปหนึ่งแสดงให้เห็นรถไฟขบวนหนึ่งถูกจุดไฟเผาด้วย ขณะที่ชาวฮ่องกงจำนวนมากต้องเดินกลับบ้าน  

 

บริการรถโดยสารในเช้าวันนี้ก็อาจจะต้องเบี่ยงเส้นทางบางสาย จากสภาพถนนไม่พร้อม หลังสัญญาณไฟจราจรถูกทำลายเสียหายกว่า 100 จุด 

 

 

 

 

ธุรกิจของจีนหลายแห่งตกเป็นเป้าของผู้ประท้วงที่อยู่ในอารมณ์โกรธแค้น  กระจกสาขา แบงค์ ออฟ ไชนา ธนาคารเพื่อการก่อสร้างจีน และไชนา แทรเวล เซอร์วิสเซส ถูกทุบทำลายและมีการจุดไฟเผาด้านหน้า ธุรกิจอีกหลายแห่งก็โดนด้วย รวมถึงร้านกาแฟสตาร์บักส์แห่งหนึ่ง 

 


เด็กวัย 14 ปีคนหนึ่งถูกยิงที่ขา อาการสาหัส ตำรวจยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ตำรวจยิงกระสุน 1 นัด เพราะชีวิตของเขาเองตกอยู่ในอันตรายจากผู้ประท้วงกลุ่มใหญ่ที่ใช้ระเบิดเพลิงปาใส่ แต่ในแถลงการณ์ไม่ได้ระบุว่ากระสุนนัดนั้นโดนใครหรือไม่ 

 

ม็อบฮ่องกงเผาสถานีรถไฟใต้ดิน-บุกทุบธุรกิจจีนหลังแบนหน้ากาก

 

 

การไม่เปิดเผยตัวตนคือหัวใจของการเคลื่อนไหว แม้รัฐบาลออกมาตรการห้ามโดยเชื่อว่าจะช่วยป้องปรามการใช้ความรุนแรง และจำเป็นต้องหยุดยั้งไม่ให้สถานการณ์ฮ่องกงย่ำแย่ไปกว่านี้ แต่นักสังเกตการณ์ระบุว่า เป็นกฎที่ยากบังคับใช้และถูกมองเป็นสัญญาณแรกถึงการใช้มาตรการเฉียบขาดชุดใหญ่ หลังตัดสินใจใช้กฎหมายเก่าแก่ครั้งแรกใน 50 ปี