ประวัติ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก
ประวัติเส้นทาง โดนัลด์ ทรัมป์ จากมหาเศรษฐีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สู่ ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก
โดนัลด์ ทรัมป์ ทั่วโลกต่างรู้จักดีว่าเขาคนนี้ เป็นอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ หนึ่งเดียวที่ไม่เหมือนใคร เรียกว่าเป็น มหาเศรษฐีผู้พลิกโฉมการเมืองสหรัฐฯ
ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน สมัครลงชิงตำแหน่ง โดยมีคู่แข่ง เป็นหญิงเก่งเบอร์ต้น ดีกรี รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่าง คามาลา แฮร์ริส หรือ กมลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต
เปิดประวัติ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้เคยสร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก ทั้ง ครอบครัว การศึกษา ธุรกิจ การเมือง และ ผลงาน ต่างๆ
ครอบครัว
เกิด 14 มิ.ย. 2489 ที่รัฐนิวยอร์ก เป็นบุตรของ เฟรด ทรัมป์ นักธุรกิจด้านอสังหารริมทรัพย์ ที่เป็นลูกชายของผู้อพยพชาวเยอรมัน และ แมรี แอนด์ แมคเลียต ทรัมป์ ชาวสกอต ปัจจุบัน โดนัล ทรัมป์ อายุ 78 ปี
การศึกษา
จบการศึกษาสถาบันการทหารนิวยอร์ก และ เศรษฐศาสตร์จากวิทยาลัยวอร์ตัน มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย
ธุรกิจ
- ทำงานในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ เฟรด ทรัมป์ บิดา ก่อนเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น เดอะ ทรัมป์ ออร์แกไนเซชัน มีโครงการโรงแรม กาสิโน และสนามกอล์ฟ หลายแห่งทั่วโลก
- พิธีกรรายการเรียลลิตีโชว์ทางทีวี ชื่อ The Apprentice
การเมือง
2559 ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 25 เฉือนชนะ ฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ และอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1
ช่วง 4 ปีในทำเนียบขาว สร้างความเปลี่ยนแปลงมากมาย และสโลแกน “อเมริกามาก่อน” ได้กลายเป็นหัวใจของนโยบายต่างประเทศของเขา ทำให้หลายฝ่ายจับตาด้วยความกังวล หากเขาจะได้รับเลือกตั้งสมัยที่ 2 อาทิ
- ห้ามพลเมืองจากประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมเข้าประเทศ
- สร้างกำแพงกั้นพรมแดนระหว่างสหรัฐฯ-เม็กซิโก
- ถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงปารีส ที่มุ่งแก้ปัญหาโลกร้อน
- ถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน
- ยกเลิกและแก้ไข้ข้อตกลงการค้าหลายฉบับ รวมถึง ข้อตกลงนาฟตา
- เปิดสงครามการค้ากับจีน
ผลงาน
- ย้ายสถานทูตสหรัฐฯ ในอิสราเอล จาก เทลอาวีฟ ไป เยรูซาเลม
- เป็นตัวกลางเจรจาฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอล และหลายประเทศ
- เป็นผู้นำสหรัฐฯ คนแรก ที่เยือนประเทศเกาหลีเหนือ ขณะยังดำรงตำแหน่ง
ช่วงท้ายของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ประสบความล้มเหลวในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19
ถูกสภาผู้แทนราษฎรณ์ถอดถอนออกจากตำแหน่ง 2 ครั้ง ครั้งแรก ในเดือน ธ.ค. 2562 และอีกครั้งใน เดือน ม.ค. 2564 หรือเพียงหนึ่งสัปดาห์ก่อนพ้นวาระ แต่วุฒิสภามีมติว่า ไม่มีความผิด
2563 แพ้การสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ให้กับ โจ ไบเดน แต่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ และยังแพร่ข้อกล่าวหาเท็จว่าถูกโกงการเลือกตั้ง จนนำไปสู่เหตุการณ์ผู้สนับสนุนบุกรัฐสภาเพื่อหวังขัดขวางการรับรองผลคะแนนเลือกตั้งเมื่อ 6 ม.ค. 2564
แม้จะพ้นวาระไปแล้ว เขายังคงมีอิทธิพลสำคัญต่อพรรครีพับลิกันและการเมืองสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง และยิ่งสร้างความแตกร้าวในการเมืองและสังคมให้มีการแบ่งขั้วมากขึ้นด้วย
ขณะที่การกลับมาชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งที่ 3 นี้ ทรัมป์ ประกาศจะสร้างความยิ่งใหญ่ให้อเมริกาอีกครั้ง และจะแก้ไขสิ่งต่าง ๆ ที่ถูกทำลายในสมัยของเดโมแครต
แต่ระหว่างการหาเสียง ต้องต่อสู้คดีทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา รวมหลายคดี โดยเฉพาะคดีอาญา มี 4 คดี เป็นอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรก ที่ถูกตัดสินว่า กระทำผิดคดีอาญา
หากชนะเลือกตั้ง จะส่งผลให้คดีถูกระงับไว้ จนกว่าเขาจะพ้นตำแหน่ง แต่หากแพ้เลือกตั้ง เขาเตรียมเผชิญการต่อสู้คดียาวนาน และการรับโทษ โดยคำตัดสินโทษคดีอาญาคดีแรก จะมีขึ้น 26 พ.ย. 2567
13 ก.ค.2567 ถูกลอบสังหาร ขณะหาเสียงในเมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย โดยมือปืนยิงจากหลังคาใกล้กับเวทีปราศรัย ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บที่หู
หากชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 จะเป็นประธานาธิบดีอายุมากที่สุด อันดับ 2 สร้างประวัติศาสตร์ครั้งแรกในรอบกว่า 100 ปี ที่ประธานาธิบดี ซึ่งแพ้เลือกตั้ง กลับมาคว้าชัยชนะได้อีกสมัย
และหากอยู่ในตำแหน่งจนครบวาระ จะกลายเป็นประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วยวัย 82 ปี
ข้อมูลจาก : nationtv
ภาพจาก : รอยเตอร์