เทคนิคการเลี้ยง"ปลาเก๋า"ในกระชัง
เทคนิคการเลี้ยง"ปลาเก๋า"ในกระชัง
วิธีการเลี้ยงปลาเก๋าหรือปลากะรังในบ่อดิน แม้ปัจจุบันจะได้รับความนิยมกันมากในหมู่เกษตรกรที่ประกอบอาชีพประมง แต่ก็ยังสู้การเลี้ยงโดยใช้กระชังลอยน้ำไม่ได้ เพราะนอกจากจะลงทุนน้อยกว่าแล้ว ยังเป็นการเลี้ยงที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติของปลามากที่สุด
เพียงแต่ต้องดูทำเลที่ตั้งให้ดี ให้เหมาะสม ทั้งในเรื่องการไหลเวียนของกระแสน้ำ คลื่นลม ระดับความลึก พื้นทะเล ตลอดจนอุณหภูมิของน้ำ ไม่เช่นนั้นจะได้รับผลเสียหายมากกว่าผลดี โดยเฉพาะกระชังที่ใช้เลี้ยงควรตั้งอยู่ในบริเวณที่มีคลื่นลมสงบ (ทะเลสาบอ่าวเล็กๆ เวิ้งน้ำหลังเกาะ) และมีน้ำไหลถ่ายเทสะดวก สามารถนำเรือเข้าไปถึงกระชังได้
ส่วนน้ำควรลึกไม่น้อยกว่า 3 เมตร เพราะในช่วงน้ำลงต่ำสุด(ระดับความลึก 15-30 เมตรดีที่สุด) การไหลของน้ำต้องถ่ายเทได้ดี และทั่วถึง ส่วนความเร็วของกระแสน้ำต้องอยู่ที่ประมาณ 0.1 เมตร/วินาที สำหรับพื้นทะเลควรเป็นทราย หรือเป็นก้อนกรวดเล็กๆ
แต่สิ่งที่ควรระวังคือการติดตั้งกระชังนั้นต้องไม่ใกล้กับบริเวณที่มีหญ้าทะเลหรือปะการังจนเกินไป ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันผลกระทบจากการเลี้ยงปลาในบริเวณดังกล่าว ส่วนใครมีปัญหาในการเดินทางก็ควรจะสร้างโรงเรือนใกล้ๆ บริเวณที่วางกระชัง เพื่อใช้เป็นที่เก็บอาหารและอุปกรณ์เลี้ยงปลา ทำความสะอาดปลาขณะแปรรูปด้วย
สำหรับลูกปลาที่ใช้เลี้ยง(ทั้งในบ่อดินและในกระชัง) ส่วนใหญ่ใช้ลูกปลาที่จับจากธรรมชาติ เพราะการเพาะลูกปลาในโรงเพาะฟักปัจจุบันนี้ยังไม่ค่อยประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ทำให้ลูกปลาที่ผลิตได้ จึงมีปริมาณที่ไม่แน่นอน เนื่องจากเกิดปัญหาปลาเป็นโรค ลูกปลากินกันเอง ขาดอาหารธรรมชาติที่ลูกปลาต้องการ พ่อแม่ปลาที่นำมาเพาะไม่สมบูรณ์ มีไม่เพียงพอ และปัญหาอื่นๆ อีกมาก ดังนั้นผู้เลี้ยงส่วนใหญ่ จึงนิยมใช้ลูกปลาจากธรรมชาติเป็นหลัก
ยิ่งถ้าผู้เลี้ยงมีอาชีพประมงด้วยแล้วจะยิ่งสะดวกเข้าไปใหญ่ เพราะเท่าที่สังเกตชาวบ้านที่ยึดอาชีพประมงพื้นบ้าน มีบ้านพักอาศัยอยู่ชายฝั่งทะเล(ทั้งด้านอ่าวไทยและอันดามัน) มักจะเลี้ยงปลาในกระชังควบคู่กันไปด้วย(เพราะลูกปลาและอาหารปลาไม่ต้องซื้อหาได้ในทะเล) แต่ที่ส่วนใหญ่นิยมเลี้ยงปลาเก๋ามากกว่าปลาชนิดอื่น เนื่องจากขายราคาดีและไม่มีปัญหาในเรื่องการตลาด
ส่วนลูกปลาที่จับมาเลี้ยงนั้นในแต่ละท้องที่ก็จะแตกต่างกัน อย่างฝั่งอ่าวไทย แถบ จ.สงขลา และปัตตานี ลูกปลาเก๋าจะมีมากในช่วงเดือนตุลาคมถึงมีนาคม แต่ถ้าเป็นชายฝั่งทะเลอันดามัน จะอยู่ในเดือนพฤษภาคมถึงเดือนธันวาคม ขนาดของลูกปลาที่เหมาะกับการเลี้ยงเฉลี่ย 5-10 ซม.
.......................................................................
ขอบคุณภาพ: http://www3.rdi.ku.ac.th