'เมอร์ด็อก' เจ้าพ่อสื่อผู้ทรงอิทธิพล แทรกแซงการเมืองทั่วโลก?
การแทรกแซงการเมือง โดย สื่อผู้ทรงอิทธิพล มีให้เห็นบ่อยครั้งในชาติตะวันตก และหลายภูมิภาคของโลก เนื่องจากปัจจุบันบริษัทสื่อ 50 แห่งทั่วโลกครอบครองตลาดสื่อกว่า 95% และมากกว่า 90% มีการผูกขาด ในจำนวนนี้ 'รูเพิร์ต' เมอร์ด็อก เป็นหนึ่งในเจ้าของกิจการสื่อครบวงจรใหญ่ที่สุด
ในหนังสือของ ดอฟ เลวิน (Dov Levin) เรื่อง Meddling in the Ballot Box ระบุว่า ระหว่างปี 2489 ถึง 2543 สหรัฐอเมริกามีส่วนการแทรกแซงการเมืองโดยเฉพาะการเลือกตั้งในต่างประเทศทั้งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผยถึง 81 ครั้ง ด้วยการช่วยเหลือ หรือขัดขวางผู้สมัครรับเลือกตั้ง หรือพรรค
David Robarge นักประวัติศาสตร์ของสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (Central Intelligence Agency) หรือซีไอเอ ได้กล่าวกับ David Shimer ผู้เขียนหนังสือ Rigged ว่า ในช่วงเวลานั้นซีไอเอ “แทบจะไม่เคยทำให้เปลี่ยนผลคะแนนเสียงโดยตรง” ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็หมายความว่า บางครั้งก็เคยทำอย่างนั้นด้วย
หลังสิ้นสุดสงครามเย็น ภายในรัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการแทรกแซงการเลือกตั้งของประเทศอื่น
คณะกรรมการข่าวกรองของรัฐสภาเริ่มเก็บตัว แต่การแทรกแซงยังคงดำเนินต่อไป โดยในปี 2543 ประธานาธิบดีบิล คลินตัน มอบหมายให้ซีไอเอให้การสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามของประธานาธิบดีสโลโบดาน มิโลเซวิช ในยูโกสลาเวียในขณะนั้นอย่างลับๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เขาได้รับเลือกตั้งใหม่
ต่อมารัฐบาลของจอร์จ ดับเบิลยู บุช ได้จัดทำแผนลับเพื่อแทรกแซงการเลือกตั้งรัฐสภาอิรักในเดือน ม.ค. 2548 แต่ได้ยกเลิกไปในเวลาต่อมา เนี่องจากเกิดการต่อต้านอย่างรุนแรงจากรัฐสภา
ลีออน พาเนตตา (Leon Panetta) อดีตผู้อำนวยการซีไอเอ กล่าวว่า ซีไอเอไม่ได้เปลี่ยนคะแนนเสียงหรือเผยแพร่ข้อมูลที่ผิด แต่มีการกระทำการต่อองค์กรสื่อต่างประเทศเพื่อ “เปลี่ยนทัศนคติในประเทศนั้น” พาเนตตา บอกกับ David Shimer ว่า ซีไอเอบางครั้งก็ “ซื้อสื่อในประเทศหรือภูมิภาคที่สามารถใช้งานได้สะดวก...ในการส่งสาร” หรือพยายาม “โน้มน้าวผู้คนที่มีความเกี่ยวข้องกับสื่อ...ให้ร่วมมือเพื่อนำเสนอข่าวสาร” การส่งสารที่พาเนตตากล่าวถึงนั้นถูกเข้าใจว่า เป็นการโฆษณาชวนเชื่อของซีไอเอที่เกี่ยวกับการเมือง และการเลือกตั้ง
การแทรกแซงการเลือกตั้งของประเทศอื่นที่เห็นบ่อยในภายหลังคือ การชี้นำผ่านสื่อผูกขาดของตะวันตก ปัจจุบันบริษัทสื่อ 50 แห่งทั่วโลกครอบครองตลาดสื่อ 95% ของโลก และมากกว่า 90% ของข่าวถูก “ผูกขาด” โดยสื่อตะวันตก News Corporation ที่ก่อตั้งโดย รูเพิร์ต เมอร์ด็อก (Rupert Murdoch) เป็นหนึ่งในบริษัทสื่อครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดและมีความเป็นสากลที่สุดในโลกในปัจจุบัน ด้วยสินทรัพย์สุทธิมากกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าเป็นอาณาจักรสื่อขนาดใหญ่อย่างแท้จริง
เมอร์ด็อก กลายเป็น “เจ้าพ่อสื่อ” ตัวจริง เพราะมีสื่อดังอยู่ในมืออย่าง Fox News, The Times of London, The Wall Street Journal, New York Post เป็นต้น เมอร์ด็อกเคยกล่าวว่า เขา “ไม่เคยขออะไรจากนายกรัฐมนตรีเลย” แต่ความจริงคือ นักการเมืองของตะวันตกยังต้องเกรงกลัวเขามากกว่า
ตามรายงานของ The New York Times ซึ่งดำเนินการสอบสวนเป็นระยะเวลา 6 เดือน และครอบคลุม 3 ทวีป โดยได้สัมภาษณ์มากกว่า 150 ครั้ง ชี้ให้เห็นว่า เมอร์ด็อก และลูกชายได้เปลี่ยนสื่อของพวกเขาให้กลายเป็นเครื่องจักรทรงอิทธิพลทางการเมืองฝ่ายขวาและบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยในอเมริกาเหนือ ยุโรป และออสเตรเลีย
ยกตัวอย่างข่าว Fox News สร้างแรงกดดันต่อพรรครีพับลิกันมาอย่างยาวนาน ทำให้กลุ่มขวาจัดผงาดขึ้นมา และทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี เป็นต้น
ในกรณีหนังสือพิมพ์ The Sun ของเมอร์ด็อกได้นำเสนอข่าวในเชิงลบของสหภาพยุโรป (EU) ต่อผู้อ่านชาวอังกฤษ และกลายเป็นหนึ่งในการรณรงค์ Brexit ที่ทำให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมากกว่าครึ่งหนึ่งลงประชามติสนับสนุนให้ออกจาก EU ในปี 2559 หลังจากนั้นเป็นต้นมาทำให้อังกฤษจมปลักอยู่กับความวุ่นวายทางการเมือง
จะว่าไปการควบคุมสื่อของ รูเพิร์ต เมอร์ด็อก นั้นแข็งแกร่งที่สุดในออสเตรเลีย อาจเพราะเขาเป็นชาวออสเตรเลีย (ภายหลังเปลี่ยนสัญชาติเป็นอเมริกัน) โดยเมอร์ด็อกสามารถผลักดันให้ยกเลิกภาษีคาร์บอนของประเทศและมีส่วนร่วมในการขับไล่นายกรัฐมนตรีที่เขาไม่ชอบออกจากตำแหน่ง ในจำนวนนั้นรวมถึงนายกรัฐมนตรี มัลคอล์ม เทิร์นบูลล์ ที่หลุดเก้าอี้เมื่อปี 2561
ในส่วนของเอเชีย เมอร์ด็อกเคยมุ่งเป้าไปที่จีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ โดยในปี 2536 News Corporation ได้เข้าซื้อ Hong Kong Star TV ด้วยเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์จากตระกูล Li Ka-Shing โดยพยายามใช้จุดนี้เพื่อเข้าสู่ตลาดสื่อของจีน ต่อมา เมอร์ด็อกก็พบว่า ธุรกิจของ Star Media ไม่สามารถดำเนินการได้ ในปี 2548 News Corporation จึงได้ร่วมมือกับโทรทัศน์ดาวเทียมท้องถิ่นเพื่อทำตลาดทั้งประเทศจีน แต่สุดท้ายก็ต้องยุติลงเนื่องจากแตะเส้นสีแดงของทางการจีน
ในเดือน ม.ค. 2557 บริษัท News Corporation ประกาศขายหุ้น 47% ใน Star Greater China ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท Star Media และ News Corporation ดำเนินการช่องภาษาจีนสามช่องตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งก่อนหน้านี้ News Corporation ได้ขายหุ้นใน Phoenix TV ไปก่อนแล้ว
อย่างไรก็ตาม ความสนใจของเมอร์ด็อกที่มีต่อตลาดเอเชีย หรือจะเรียกว่าความอุตสาหะหรืออิทธิพลในการแทรกซึมภูมิภาคเอเชียดูเหมือนจะยังไม่หมดลงแค่นั้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเมอร์ด็อกได้พยายามเข้ามาถือหุ้นในกลุ่มสื่อทรงอิทธิพลในประเทศไทยด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เขายังคงมุ่งหน้าปักธงในเอเชียต่อไป เพื่อสนองความทะเยอทะยานที่จะมีอิทธิพลต่อโลกนั่นเอง