ข่าว

‘แพรรี่’ ป้อง ‘พระพยอม’ ฟาดกลับหลวงพี่น้ำฝน เป็นกระเบื้อง กล้าดีไปรู่กับทอง

‘แพรรี่’ ป้อง ‘พระพยอม’ ฟาดกลับหลวงพี่น้ำฝน เป็นกระเบื้อง กล้าดีไปรู่กับทอง

27 ก.ค. 2566

แพรรี่ ออกมาโพสต์ปกป้อง พระพยอม ฟาดกลับหลวงพี่น้ำฝน ไม่มียั้ง ลั่น เราอยู่ในยุคที่พระซึ่งหากินกับเดรัจฉานวิชา มานั่งตำหนิพระที่ปฎิบัติดีและปฏิบัติตรงตามคำสอน 

กรณี พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ออกมาแสดงความเห็นทางการเมือง จนมีกระแสโซเชียล บอกว่าพระภิกษุไม่ควรมีบทบาททางการเมือง ตามคำสั่งของมหาเถรสมาคม

 

ซึ่งก่อนหน้านี้ พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้ให้ความคิดเห็นว่า เรื่องนี้ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ต้องร่วมกับเจ้าคณะจังหวัด ที่จะต้องลงไปตรวจสอบว่า เป็นจริงไหม ถ้าไม่เป็นจริงจะสรุปว่าอย่างไร 

 

แต่ตรงนี้มีภาพคลิป ระบุเป็นหลักฐานไว้ชัดเจนแล้ว  กฎมหาเถรสมาคม ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่า ยิ่งเราไปกล่าวเกี่ยวกับมาตรา 112  ยิ่งเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง เราเป็นพระ เราจะทำอะไรไม่ได้ ไม่สมควรอย่างยิ่ง อาตมายืนยัน ที่จะพูดเหมือนเดิม

 

กรณีชาวโซเชียล บอกว่า หิวแสง อาตมาจะไปหาแสงทำไม เพราะสื่อเองที่มองว่าอาตมามีความรู้ทางด้านนี้ จึงได้มาสัมภาษณ์ และอาตมาก็ตอบไปตามประสบการณ์ที่มี ซึ่งกระบวนการต้องดำเนินไปแบบนั้น อาตมาไม่เคยหิวแสงเพราะแสงมีในตัวอยู่แล้ว นั่นคือความดี 

 

‘แพรรี่’ ป้อง ‘พระพยอม’ ฟาดกลับหลวงพี่น้ำฝน เป็นกระเบื้อง กล้าดีไปรู่กับทอง

 

ส่วนที่บางคนแสดงความคิดเห็นว่า พระพยอม สมควรจะลาสิกขาไป หรือลาออกจากเจ้าอาวาส กลับไปบวชเณร มองว่า เป็นการกล่าวตำหนิที่แรงเกินความเป็นจริงไป อยากให้มองว่า กระบวนการขั้นตอนมีอยู่แล้ว หากหน่วยงานและคณะสงฆ์มีการดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา และทางผู้ถูกสั่งการลงมาน้อมรับคำสั่ง ก็ถือว่าเหมาะสมแล้ว แต่เรื่องนี้ชัดเจนด้วยหลักฐาน 

 

ส่วนกรณีที่ พระพยอม เคยสอบถามไปยังคณะสงฆ์ เรื่องการทำพิธีลงนะหน้าทอง หรือการเจิมต่าง ๆ ว่า เป็นกิจของสงฆ์หรือไม่ เรื่องนี้มีคำตอบแล้วว่า "ไม่ผิด" เพราะถ้าผิด ต้องมีการสั่งห้ามไปแล้ว ซึ่งถ้ามีการสั่งห้าม อาตมาก็หยุด ไม่ฝ่าฝืน

 

แต่การที่พระออกมาวิจารณ์การเมือง ก้าวล่วงไปยังมาตรา 112 สมควรหรือไม่ อาตมามองว่า ไม่เหมาะสม ที่จะมาแสดงความคิดเห็นวิจารณ์ เราต้องอยู่ในขอบเขตของเราเท่านั้น ซึ่งที่พูดคือเอาความถูกต้อง ไม่ใช่เอาความถูกใจ เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาต่อไป 

 

และจากการแสดงความเห็นของหลวงพี่น้ำฝนดังกล่าว ก็ทำให้ล่าสุดด้าน แพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงหลวงพี่น้ำฝน ที่ให้สัมภาษณ์ทั้งเรื่องพระพยอม และเรื่องนะหน้าทอง โดยระบุว่า 

 

"เราอยู่ในยุคที่พระซึ่งหากินกับเดรัจฉานวิชา มานั่งตำหนิพระที่ปฎิบัติดีและปฏิบัติตรงตามคำสอน กูจะขำ หรือกูจะร้องไห้ดีคะเนี่ย"

 

"...นะร่ำไรรักใคร่เห็นหน้า..." มันอยู่ในท่อนไหนของพระไตรปิฎกคะ พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ในพระสูตรไหน แล้วตัวเองเป็นพระเนี่ย ใช้คำว่า ความเชื่อส่วนบุคคลได้ด้วยหรอ

 

คุณเป็นพุทธบุตร คุณไม่ต้องมีหน้าที่เผยแผ่คำสอนหรือหลักความเชื่อของพระพุทธเจ้าเท่านั้นหรอคะ ตอนบวชเข้าไปถึงใครเป็นสรณะคะ ถือพุทธศาสตร์หรือถือไสยศาสตร์

 

บวชเข้าไปแล้วทำสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนและทรงห้ามแบบนี้ คุณรู้ไหมคะว่า ในทางพระศาสนาท่านเรียกนักบวชประเภทนี้ว่าอะไร

ตัวเองประพฤติตนเป็นดั่งกระเบื้อง กล้าดียังไงไปรู่กับทองอย่างพระอาจารย์พยอมคะ

 

‘แพรรี่’ ป้อง ‘พระพยอม’ ฟาดกลับหลวงพี่น้ำฝน เป็นกระเบื้อง กล้าดีไปรู่กับทอง

 

‘แพรรี่’ ป้อง ‘พระพยอม’ ฟาดกลับหลวงพี่น้ำฝน เป็นกระเบื้อง กล้าดีไปรู่กับทอง

 

‘แพรรี่’ ป้อง ‘พระพยอม’ ฟาดกลับหลวงพี่น้ำฝน เป็นกระเบื้อง กล้าดีไปรู่กับทอง

 

‘แพรรี่’ ป้อง ‘พระพยอม’ ฟาดกลับหลวงพี่น้ำฝน เป็นกระเบื้อง กล้าดีไปรู่กับทอง