ข่าว

กองทุนฯ จ่ายแล้ว 13 ล้าน เยียวยา ‘แรงงานไทยจากอิสราเอล’

กองทุนฯ จ่ายแล้ว 13 ล้าน เยียวยา ‘แรงงานไทยจากอิสราเอล’

28 ต.ค. 2566

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กำชับกรมการจัดหางาน เร่งเยียวยา ‘แรงงานไทยจากอิสราเอล’ จากเหตุความไม่สงบ มอบสิทธิประโยชน์กองทุนฯ บรรเทาความเดือดร้อนแล้ว 865 ราย เป็นเงิน 13 ล้านบาท ย้ำให้ความสำคัญกับการดูแลแรงงานไทยเป็นลำดับแรก เผย แรงงานประสงค์กลับไทย 8,478 คน

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ผมมีความรู้สึกห่วงใยแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบในอิสราเอล และให้ความสำคัญกับการเยียวยาเพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับพี่น้องแรงงานไทยอย่างเร่งด่วน โดยมอบหมายกรมการจัดหางาน อำนวยความสะดวกและชี้แจงสิทธิประโยชน์ให้แก่แรงงานไทยทราบทันทีที่เดินทางถึงท่าอากาศยานประเทศไทย

 

แรงงานไทยกลับจากอิสราเอล

เพื่อให้ได้รับผลประโยชน์จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศโดยเร็วที่สุด ความคืบหน้าล่าสุดได้มอบสิทธิประโยชน์จากกองทุนฯ ให้แก่แรงงานไทยที่เป็นสมาชิกกองทุนฯแล้ว จำนวน 865 ราย แบ่งเป็น

 

  • กรณีเสียชีวิต 4 ราย รายละ 40,000 บาท
  • กรณีทุพพลภาพ 1 ราย รายละ 30,000 บาท
  • กรณีประสบปัญหาต้องเดินทางกลับไทย เนื่องจากภัยสงคราม 860 คน คนละ 15,000 บาท รวมเป็นเงิน 13,090,000 บาท 

 

 

โดยโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารออนไลน์ของผู้รับสิทธิประโยชน์ เพื่อความสะดวก โปร่งใส ไม่ต้องเสียเวลา และค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาติดต่อราชการ ณ สำนักงาน

 

กองทุนฯ จ่ายแล้ว 13 ล้าน เยียวยา ‘แรงงานไทยจากอิสราเอล’

“สำหรับพี่น้องแรงงานไทยที่ยื่นเอกสารขอรับสิทธิฯกับกรมการจัดหางานครบถ้วนแล้ว ไม่ต้องกังวลใจ ผมได้กำชับกรมการจัดหางานให้ความสำคัญกับการดูแลแรงงานไทยที่รับผลกระทบจากความไม่สงบในอิสราเอลเป็นลำดับแรก และดำเนินการให้พี่น้องแรงงานไทยที่กำลังเดือดร้อนได้รับการดูแลตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด”นายพิพัฒน์ กล่าว

 

 

ด้านนายสมชาย มรกตศรีวรรณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า แรงงานไทยที่เป็นสมาชิกกองทุนฯ และได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบในอิสราเอล สามารถยื่นเอกสารหลักฐานเพื่อรับสิทธิประโยชน์จากกองทุนฯ ได้ที่ศูนย์ช่วยเหลือแรงงานและติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล กระทรวงแรงงาน หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดที่อยู่ในภูมิลำเนา

 

 

โดยเตรียมเอกสารสำคัญ อาทิ สำเนาบัตรสมาชิกกองทุนฯ (ถ้ามี) สำเนาหนังสือเดินทาง (ทุกหน้าที่มีข้อมูลและมีตราประทับ ถ้าไม่ได้ประทับตราวันที่กลับเข้าไทยให้แนบสำเนาบัตรโดยสารเครื่องบินวันที่เดินทางกลับเข้าประเทศไทย) สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาใบอนุญาตทำงาน หรือ สำเนาบัตรวีซ่าทำงาน สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารของผู้ยื่นคำร้อง (ธนาคารใดก็ได้ พร้อมกรอกแบบฟอร์ม KTB Corporate Online) หรือในกรณีเสียชีวิตจะต้องเตรียมสำเนาใบมรณบัตร และเอกสารของทายาทซึ่งเป็นผู้รับสิทธิด้วย 

 

 

หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 สำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศ และสายด่วน 1694 กรมการจัดหางาน

 

 

แรงงานประสงค์กลับประเทศ 8,478 คน

ทั้งนี้ รายงานสถานการณ์แรงงานไทยในรัฐอิสราเอล ณ วันที่ 28 ตุลาคม 2566 ระบุว่า มีผู้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์กลับประเทศไทย จำนวน 8,478 คน แรงงานเดินทางกลับถึงไทยแล้วทั้งสิ้น 36 เที่ยวบิน จำนวน 6,448 ราย และยื่นแบบขอเดินทางกลับไปทำงานประเทศอิสราเอลแล้ว 1,189 คน