'รมว.มหาดไทย 'เตือน 'ลูกหนี้' โปรดตาสว่าง แก้หนี้นอกระบบ ภาระยังเท่าเดิม
รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แนะนำ "ลูกหนี้" ให้ตาสว่างเข้าใจแนวทางรัฐต่อการแก้ "หนี้นอกระบบ" ย้ำ ไม่ใช่การพักหนี้ ลูกหนี้ยังต้องจ่ายคืนให้เจ้าหนี้ รัฐบาลไม่จ่ายหนี้ให้ เพียงช่วยเรื่องลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ด้วยการเปิดให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหา "หนี้นอกระบบ "ลงทะเบียน เพื่อขอความช่วยเหลือจากกลไกของรัฐ สิ่งที่ลูกหนี้ต้องทำความเข้าใจก็คือ อย่าดีใจ อย่าชะล่าใจ เพราะไม่ใช่การพักหนี้ ลูกหนี้ยังต้องจ่ายคืนให้เจ้าหนี้ และที่เข้าใจว่ารัฐบาลจะจ่ายหนี้ให้นั้นไม่ใช่ แต่เป็นการช่วยลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมซึ่งพันธะระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้ยังมีเช่นเดิม
ส่วนปัญหาเจ้าหนี้กลัวถูกตรวจสอบภาษี จนไม่กล้ามาไกล่เกลี่ยกับลูกหนี้นั้น รัฐบาลต้องการให้เกิดความเป็นธรรม ย้ำว่าโครงการแก้ "หนี้นอกระบบ" ไม่ใช่การลดหนี้ ยกหนี้ พักหนี้ และไม่ได้ใช้หนี้ให้ แต่เป็นการให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหนี้และลูกหนี้ ซึ่งถ้าคิดดอกเบี้ยที่เป็นธรรม ลูกหนี้ก็จะสามารถใช้หนี้ได้ เจ้าหนี้ก็ไม่ถูกเบี้ยวหนี้ เจ้าหนี้ไม่ต้องไปกดดัน กดขี่ ข่มเหง หรือใช้วิธีทวงหนี้ที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่ต้องการให้เกิดความเป็นธรรม ไม่เสียหายกับลูกหนี้และเจ้าหนี้ ยืนยันลูกหนี้ยังเป็นหนี้อยู่ โดยมีอัตราดอกเบี้ยที่สามารถหามาใช้ได้
"การแก้หนี้เป็นขั้นตอนการไกล่เกลี่ย ไม่ได้มีเจตนาที่จะ ขุดคุ้ยปูมหลัง ขออย่าเป็นกังวล เรื่องอื่นเป็นเรื่องของหน่วยงานอื่น เราไม่มีเวลา ไปขยายผลเรื่องอื่นๆ ส่วนกระบวนการไกล่เกลี่ย เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน มีทั้งศาสตร์และศิลป์ ในการเข้าไกล่เกลี่ย ประนีประนอม คงไม่มีวิธีการเป็นขั้นตอนที่ชัดเจน ทั้งนี้ หากเมื่อมีการไกล่เกลี่ยแล้ว เจ้าหนี้ไม่ยอมมาไกล่เกลี่ย ก็ต้องเอาสัญญากู้เงินมาดู ถ้าตรงไหนขัดต่อกฎหมาย ก็ไม่ต้องปฏิบัติตาม และจะมีการคุ้มครองให้เกิดความเป็นธรรม แต่ถ้าเจ้าหนี้ยังคิดดอกเบี้ยในอัตราที่สูง จนเกินความสามารถที่ลูกหนี้จะชำระหนี้ได้นั้น ส่วนนั้นก็จะหายไป แต่โครงการของรัฐบาลจะให้วินวินทั้งสองฝ่าย คือ เจ้าหนี้ได้เงินคืน ไม่มีการเบี้ยวหนี้ ลูกหนี้ก็จะได้อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ซึ่งจะเกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย" นายอนุทิน กล่าว