ข่าว

"วราวุธ" ย้ำ พม. ไม่ใช่นักจิตวิทยา ไม่สามารถกล่าวหา ใครปกติ-ไม่ปกติ

"วราวุธ" ตอบปมเด็กชายเชื่อมจิต ย้ำ ด้วยเกียรติ-ศักดิ์ศรี ข้าราชการ พม. ไม่ใช่นักจิตวิทยา ไม่สามารถกล่าวหา ใครปกติ-ไม่ปกติ

5 มิ.ย. 2567 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ว่ากระทรวง พม. เข้าข้างครอบครัวของเด็กชายเชื่อมจิต ภายหลังจากมายื่นข้อร้องเรียนถึงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ พม. จังหวัดสุราษฎร์ธานี และเข้าพบ นางอภิญญาชมภูมาศ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน เมื่อวานนี้ (4 มิ.ย.)

ตนขอยืนยันว่า ตนเอง หรือปลัด พม. หรืออธิบดี ดย. นั้น เราไม่ใช่นักจิตวิทยา ไม่ใช่นักสหวิชาชีพ ดังนั้นการที่เราจะไปตัดสินคนใดคนหนึ่ง หรือแม้แต่เด็กคนหนึ่ง ว่ามีความปกติหรือไม่ปกตินั้น ตนคิดว่าด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของข้าราชการ เราคงไม่สามารถที่จะไปกล่าวหาหรือบอกว่าคนนั้นปกติ คนนี้ไม่ปกติได้

นายวราวุธ กล่าวอีกว่า แต่จากการที่อธิบดี ดย. ได้สัมภาษณ์อย่างชัดเจน ว่าดูจากสายตาแล้ว ย้ำว่าดูจากสายตาของอธิบดี ดย. แล้ว ภายนอกตัวเด็กนั้นยังปกติดี หมายถึงว่ายังไม่ได้มีความผิดปกติใดๆ ทางการปฎิบัติ หรือทางพฤติกรรม แต่การที่เด็กได้รับการสั่งสอนมาอย่างไร ถูกปลูกฝังพฤติกรรมมาอย่างไรนั้น ถูกหรือผิดเป็นหน้าที่ของนักจิตวิทยาและทีมสหวิชาชีพ ที่จะต้องมาวินิจฉัย แต่ในฐานะที่เป็นผู้ที่รับผิดชอบไม่ว่าจะเป็นอธิบดี ดย. หรือใครก็แล้วแต่

\"วราวุธ\" ย้ำ พม. ไม่ใช่นักจิตวิทยา ไม่สามารถกล่าวหา ใครปกติ-ไม่ปกติ  

"ผมคิดว่าไม่มีใครที่จะระบุ หรือกล่าวหาว่าคนใดคนหนึ่งผิดปกติหรือไม่ เพราะว่าในทางกลับกัน หากเมื่อวานนี้ อธิบดี ดย. บอกไปว่าเด็กมีอาการผิดปกติ ก็ล่อแหลมอีก เพราะผู้ปกครองอาจจะใช้กฎหมายว่าด้วยการหมิ่นประมาทมาฟ้องร้องเอากับข้าราชการได้ ซึ่งต้องเห็นใจทั้งสองฝ่าย แต่ว่าผมมั่นใจว่าด้วย เกียรติและศักดิ์ศรีของข้าราชการในการทำงานมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งมิติในการดูแลสวัสดิภาพและความปลอดภัยของเด็กคนหนึ่งนั้น เราทำหน้าที่กันอย่างเต็มที่ และจะไม่ยอมให้ผู้ใดผู้หนึ่งมาเอาเปรียบ หรือว่าใช้ประโยชน์จากเด็กเด็ดขาด" นายวราวุธ กล่าว

 

นายวราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงความล่าช้าของกระทรวง พม. เข้าไปแก้ปัญหาในเรื่องนี้นั้น ตนคิดว่าการทำงาน การแก้ปัญหาอะไรก็ตาม หัวใจสำคัญเราไม่ได้เน้นที่ความเร็ว เราเน้นที่ความถูกต้อง เราเน้นที่ผลสัมฤทธิ์ของการแก้ไขปัญหา เพราะการแก้ปัญหาด้วยความรวดเร็ว หรือการตัดสินใจอะไรด้วยความรวดเร็วนั้น ถ้าหากตามมาด้วยปัญหาที่ใหญ่กว่า หรือว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ แปลว่าความรวดเร็วที่เราใช้ไปนั้นเป็นการเสียเวลาโดยสิ้นเชิง

ดังนั้น การทำงานของภาครัฐ เรามีกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ ที่บังคับเจ้าหน้าที่ พม. ในการทำงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่จะไปมีปฏิสัมพันธ์กับตัวเยาวชน หรือเด็ก หรือแม้แต่ครอบครัวนั้น เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกัน ซึ่งต้องบอกว่า คำว่าเคร่งครัดนี้แปลว่าไม่ได้น้อยไป และไม่ได้มากไป กฎหมายให้อำนาจเราทำหน้าที่เท่าไรเราจะทำเท่านั้น เพราะหากทำน้อยไป จะหาว่าเป็นการละเลยการปฎิบัติหน้าที่ แต่ถ้าทำมากไปจะแปลว่าเราใช้อำนาจโดยไม่ควร ดังนั้นกฎหมายให้อำนาจหน้าที่เท่าไหร่เราทำเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตนได้กำชับผู้ปฏิบัติหน้าที่ ให้ทำความเข้าใจกับระเบียบกฎหมายทุกมาตราอย่างละเอียดถี่ถ้วน

ข่าวที่น่าสนใจ