ข่าว

ตาวัย 71 สุดช้ำ เซ็นชื่อครั้งเดียวสูญ 63 ล้านบาท ที่ดินตกเป็นของสาธารณะ

ตาวัย 71 สุดช้ำ เซ็นชื่อครั้งเดียวสูญ 63 ล้านบาท ที่ดินตกเป็นของสาธารณะ

13 มิ.ย. 2567

ตาวัย 71 ปีสุดช้ำ เซ็นชื่อครั้งเดียวสูญ 63 ล้าน ร้องสื่อ เจ้าหน้าที่ หลอกเซ็นมอบที่ดินให้สาธารณะประโยชน์ วอนขอที่ดินคืน

12 มิ.ย. 2567 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านหลังหนึ่ง ในหมู่ที่ 5 ต.บางปูใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เพื่อพบกับ นายบุญศรี สงวนนามสกุล อายุ 71 ปี ผู้แทนผู้เสียหาย นำโฉนดที่ดิน ภาพถ่ายมุมสูง พร้อมพาไปชี้จุดที่ดินจำนวน 14 ไร่ ที่ถูกน้ำทะเลกัดเซาะหายไป

ซึ่งขณะนั้น ในพื้นที่ของเพื่อนบ้านข้างเคียง เห็นรถเครื่องจักรขนาดใหญ่กำลังทำงานเกลี่ยดินถมทะเลให้กลับมาเป็นผืนดินตามโฉนดที่ครอบครองดังเดิม ทำให้เกิดคำถามตามมา ว่าทำไมเพื่อนบ้านถึงถมทะเลได้ แต่ตนถูกเจ้าหน้าที่รังวัดทำให้เข้าใจว่าทำไม่ได้ ต้องยกที่ดินจำนวน 14 ไร่ ให้เป็นสาธารณะประโยชน์

 

 

นายบุญศรี กล่าวว่า ที่ดินผืนนี้ ซื้อไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2511 แต่เมื่อประมาณ 5 เดือนที่ผ่านมา ตนได้ประสานเจ้าหน้าที่จากสำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ เข้ามาทำการรังวัดที่ดิน ตามโฉนดทั้งหมดรวม 86 ไร่ โดยปัจจุบันบางส่วนถูกน้ำทะเลกัดเซาะหายไป

 

 

ตนต้องการรู้ และต้องการปักหลักหมุดที่ชัดเจน หลังเจ้าหน้าที่เข้ามาดูสถานที่ ตนได้พาไปชี้แนวเขตที่ดินเดิมริมทะเล ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นผืนดินและเป็นที่ตั้งของศาลาไม้ แต่ต้องย้ายเข้าในปี พ.ศ.2528 เพื่อหนีน้ำทะเล มาตั้งไว้หน้าบ้านพักในปัจจุบัน

ตนเชิญเจ้าหน้าที่รังวัด ออกไปปักหลักมุดตามโฉนดในทะเล แต่เจ้าหน้าที่ปฏิเสธและบอกว่า ในทะเลรังวัดไม่ได้ ถ้าผืนดินถูกน้ำทะเลกัดเซาะแล้ว ต้องยกให้เป็นที่สาธารณะประโยชน์ คือต้องยกให้กรมเจ้าท่า พร้อมบอกอีกว่า ต้องเซ็นยินยอมยกที่จมน้ำทะเลให้ก่อน เขาถึงจะลงมือทำการรังวัดและออกเอกสารให้

 

 

โดยไม่มีการให้ข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์กับเจ้าของที่ดินเพิ่มเติม ทำให้ตนเข้าใจว่าไม่มีทางเลือกอื่นใด จึงยินยอมเซ็นชื่อยกที่ดินจำนวน 14 ไร่ มูลค่าไร่ละ 4.5 ล้านบาท รวมเป็นจำนวนเงิน 63 ล้านบาท ต้องสูญไป จากความไม่รู้

 

 

ตลอดระยะเวลาที่ครอบครอง มีการเสียภาษีประจำปีเต็มจำนวน 86 ไร่มาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถทำรั้วกั้นหรือถมดินทำแนวเขตได้ เนื่องจากความรุนแรงของน้ำทะเล

 

 

กรณีนี้ ทำให้ตนรู้สึกเหมือนถูกหลอกให้เซ็นชื่อยกที่ดินจำนวน 14 ไร่ มูลค่า 63 ล้านบาท ไปด้วยความไม่รู้ ดังนั้นจึงต้องการออกมาร้องผ่านสื่อฯ ขอเงินชดเชยค่าที่ดินจากหน่วยงานภาครัฐตามราคาที่เหมาะสม หรือ ขอที่ดินจำนวนดังกล่าวคืน

 

 

จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้โทรประสานไปที่สำนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการ เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ผอ.ติดประชุม จึงต่อสายให้คุยกับหัวหน้าฝ่ายรังวัดแทน และได้รับคำชี้แจงกลับมาในเชิงหลักการ พร้อมบอกหากต้องการที่ดินคืน ให้เจ้าของที่ดิน เข้ามาติดต่อที่สำนักงานฯ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป