ข่าว

"พระพยอม" - "หลวงพี่น้ำฝน" ประสานเสียง ไม่มีตำราไหน เอาโลหิตธาตุมาทำมวลสาร

14 มิ.ย. 2567

"พระพยอม" - "หลวงพี่น้ำฝน" ประสานเสียง ไม่มีตำราไหน เอาโลหิตธาตุมาทำมวลสาร สร้างวัตถุมงคล เชื่อเป็นการโฆษณา หวังหากำไร

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพหลอดเก็บตัวอย่างเลือด มีสติกเกอร์แปะข้อความชื่อระบุว่า "หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ 87 ปี" และมีรหัสผู้ป่วยระบุอักษรภาษาอังกฤษและตัวเลข AN : XXXXXX ลงบนกลุ่มเฟซบุ๊กชื่อ "หลวงปู่ศิลา สิริจันโท รุ่นยอดเศรษฐี" ระบุข้อความอ้างว่า "โลหิตธาตุ หลวงพ่อคูณ น้ำตาจะไหล กราบ ขอบพระคุณครับ #รุ่นยอดเศรษฐี"

ต่อมาโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ออกมาชี้แจงว่า หลอดเก็บตัวอย่างเลือดดังกล่าวนั้นไม่ได้เป็นของโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และก็ไม่ใช่ของโรงพยาบาลมหาราช ที่จังหวัดนครราชสีมา ด้วยเช่นกัน แต่ยังไม่ฟันธงว่า เป็นของจริงหรือของปลอม และรหัส AN คือรหัสที่ผู้ป่วยนอนโรงพยาบาล ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

\"พระพยอม\" - \"หลวงพี่น้ำฝน\" ประสานเสียง ไม่มีตำราไหน เอาโลหิตธาตุมาทำมวลสาร
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

 

14 มิ.ย. 2567 พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ให้ความเห็นว่า คนที่ทำพวกนี้เป็นพวกสายมู เขาคิดแต่ว่าจะทำอย่างไรให้เครื่องรางของขลัง เกจิอาจารย์สักดิ์สิทธิ์ ที่ทำออกมาขายมีกำไร มีคนมาเช่าเยอะ เขาไม่ได้มุ่งเน้นทางพุทธศาสนา แต่เน้นสอนให้เชื่อในทางไสยศาสตร์ เพราะหากเขาไม่ทำให้ดูมีปาฏิหาริย์ มีคุณวิเศษ ก็จะไม่มีรายได้ เพราะนี่คือรายได้หลักของพวกเขา ก็ต้องหาอะไรมาอวดอ้างไปเรื่อยๆ ซึ่งคำสอนในทางพระพุทธศาสนาไม่เคยมีการสอนให้เอาเลือดเอาเนื้อหนังมาทำปาฏิหาริย์อะไรแต่อย่างใด

ปาฏิหาริย์ที่ควรทำที่สุดคือธรรมปาฏิหาริย์ เทศนาปาฏิหาริย์ สั่งสอนให้คนเป็นคนดี จากเลวกลายเป็นดีนี้ถึงจะเรียกปาฏิหาริย์ที่พระพุทธเจ้าไม่ตำหนิ ส่วนปาฏิหาริย์อย่างอื่นทางไสยศาสตร์พระพุทธเจ้าทรงตำหนิ และไม่เคยปล่อยปละละเลยให้มีสิ่งพวกนี้ออกมาเป็นเนื้องอกทางพระพุทธศาสนา

\"พระพยอม\" - \"หลวงพี่น้ำฝน\" ประสานเสียง ไม่มีตำราไหน เอาโลหิตธาตุมาทำมวลสาร

ส่วนญาติโยมก็เหมือนกันพอเห็นเขาทำอะไรออกมาอวดอ้างปาฏิหาริย์ก็แห่กันไปเช่าไปซื้อ มันควรจะต้องมีการศึกษาให้ชัดเจนเสียก่อน ไม่ใช่เขาขู่ว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ก็เชื่อง่ายเชื่อไปหมด ก็กลายเป็นงมงายไปในที่สุด แล้วก็จะมีคนอื่นทำอะไรออกมาเรื่อยๆ ไม่จบสิ้น

พระพยอม กล่าวอีกว่า เราชาวพุทธต้องเชื่อด้วยศรัทธา ด้วยปัญา ด้วยสติ อย่างกรณีก็คงจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบว่าเลือดในหลอดที่มาโชว์นั้นเป็นของจริงหรือของปลอม ได้มาจาก รพ.ไหน แค่นี้ยังมีการตรวจสอบเลยท้ายนี้ก็ขอให้ขาวพุทธมีสติ เฉลียวฉลาดรู้ให้ทันสายมูพวกนี้ ส่วนอาตมาบอกได้อย่างเดียวเลยว่า เรื่องนี้ไม่มีทางที่บัณฑิตทางพุทธศาสนาคนไหนจะเห็นด้วยกับการกระทำแบบนี้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าตำหนิติเตียนเป็นอย่างมาก ซึ่งตอนนี้คนที่ทำก็คงโดนตำหนิไปแล้ว

 

ด้าน พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ให้ความเห็นว่า ในฐานะที่อาตมาภาพบวชมาแล้ว 32 ปี ไม่เคยพบว่าปรากฏในตำราว่าจะมีการนำโลหิต มาจัดทำเป็นมวลสารในการจัดสร้างวัตถุมงคล โดยระดับพระเกจิอาจารย์ที่แต่ละท่านจะได้จัดสร้างวัตถุมงคลโดยมากที่สุดแล้วก็จะใช้เกษา หรือ เส้นผม เอามาผมเป็นมวลสารทำเพียงเท่านั้น การที่จะนำโลหิตมาหยดเพื่อจัดสร้างหรือทำพิธีไม่มีอย่างแน่นอน ซึ่งตามตำราไม่เคยปรากฏมาก่อน ประเด็นในเรื่องของความเหมาะสมหรือไม่นั้นให้ตั้งหลักคิดว่า เมื่อไม่มีในตำราแล้ว อาตมาก็คิดว่าเหมาะหรือไม่เหมาะไม่ทราบแต่เรื่องนี้ไม่มีในตำราของพระเถราจารย์

"อาตมาอยู่กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อพูล 30 ปี ท่านก็ไม่เคยพูดถึงหรือบอกว่าตำราหรือวิชา หรือกระบวนการเหล่านี้มีอยู่ โดยช่วงที่ท่านเจริญอายุอยู่ก็ไม่เคยทำสิ่งนี้เลย ส่วนในเรื่องความเชื่อ ให้มองว่าวัตถุมงคลเป็นเรื่องของความเชื่ออยู่แล้ว ดูสืบค้นจากตำราก็ไม่มีและเชื่อว่าถ้านำมาทำ ก็ไม่มีทางสำเร็จตามเป้าหมายอย่างแน่นอน" หลวงพี่น้ำฝนกล่าว

\"พระพยอม\" - \"หลวงพี่น้ำฝน\" ประสานเสียง ไม่มีตำราไหน เอาโลหิตธาตุมาทำมวลสาร

หลวงพี่น้ำฝน กล่าวอีกว่า อยากยกตัวอย่างว่าให้คิดตามหลักการหากพระเดชพระคุณท่าน อาพาธเป็นโรคเบาหวาน แล้วเลือดมันจะบริสุทธิ์ไหม และเกษา คือเส้นผม ก็ถือว่าอยู่บนศรีษะของพระเถระเกิจอจารย์ ก็ถือว่าสูงสุดแล้ว และอีกส่วนคือเล็บ ที่จะนำมาทำมวลสารโดยการมาบดให้เป็นผงผสมกัน อย่างนี้ก็เห็นในตำรา อาตมาอายุ 52 ปี บวชมาแล้ว 32 พรรษา สร้างวัตถุมงคล มาตั้งแต่พรรษา 2 ก็ไม่เคยจัดสร้างมาก่อน และการทำแบบนี้เป็นการโฆษณาแต่ก็ไม่มีผลอะไร