ข่าว

ทนายปราบโกง ร้อง 'อนุทิน' สั่งย้าย 'ผู้ว่าฯโคราช' ส่อช่วยโรงงานแป้งมัน

"กฤษฎา ทนายปราบโกง" เดินหน้าร้อง "อนุทิน" สั่งย้าย ผวจ.โคราช หลังเชื่อว่ามีการปกปิดข้อเท็จจริงและรายงานอันเป็นเท็จ โดยมีเจตนาพิเศษต้องการช่วยเหลือโรงงานแป้งมันฯ

นายกฤษฎา อินทามระ เจ้าของฉายา "ทนายปราบโกง" เดินทางไปที่ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย เพื่อยื่นหนังสือถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยมีหัวหน้ากลุ่มงานร้องทุกข์ ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย เป็นผู้รับหนังสือ

 

สำหรับนายกฤษฎา คือผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษเจ้าหน้าที่รัฐหลายรายใน จ.นครราชสีมา ที่มีพฤติการณ์เอื้อประโยชน์ให้ โรงงานแป้งมัน สำปะหลัง ที่มีกำลังการผลิตสูง เป็นหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีการลักลอบปล่อยทิ้งน้ำเน่าเสียลงไปในที่ดินของ สปก.เกือบ 600 ไร่ ใน ต.หนองบัวศาลา อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา 

ทนายปราบโกง ระบุว่า เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2567 เจ้าหน้าที่จากส่วนกลางหลายหน่วยงานได้ระดมสรรพกำลังเข้าจับกุมเจ้าหน้ารัฐและเอกชนหลายรายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการยึดครองที่ดินของ สปก.ไปโดยมิชอบ แต่กลับสร้างความเดือนร้อนเสียหายให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ด้วยการปล่อยน้ำเน่าเสียลงไปในที่ดินของ สปก.มาเป็นเวลานาน ตามที่เป็นข่าวครึกโครมไปแล้วนั้น 

 

ทนายปราบโกง เล่าย้อนไปเมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2567 ตนได้มีหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เรื่อง โรงงานแป้งมันสำปะหลังปล่อยน้ำเน่าเสียลงบนที่ดินของ สปก. ต่อมาวันที่ 8 พ.ค 2567 ผู้ว่าราชการจังหวัด โดยศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา  กลับมีหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงมายังตน 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2567 เจ้าหน้าที่พบว่า บริษัทฯไม่มีการระบายน้ำออกนอกบริเวณโรงงานตามที่สั่งการไว้แล้ว และได้กำชับให้ประกอบกิจการให้เป็นไปตามที่ได้รับอนุญาตอย่างเคร่งครัดต่อไป

 

ส่วนครั้งที่ 2 วันที่ 31 พ.ค. 2567 มีหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงมายังตนอีกในทำนองว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2567 พนักงานเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อตรวจติดตามการปฎิบัติตามคำสั่ง พบว่า โรงงานได้หยุด ระบายน้ำเสีย ทิ้งออกนอกบริเวณโรงงาน รวมทั้งได้มีการปิดช่องทางระบายน้ำจำนวน 2 จุด ทั้งในด้านในและด้านนอกบริเวณโรงงานเรียบร้อยแล้ว 


และเมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2567 คณะผู้ตรวจสอบของจังหวัดนครราชสีมา นำโดยนายสุรพันธ์ ศิลปะสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าไม่มีการระบายน้ำออกนอกบริเวณโรงงานตามข้อสั่งการเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ คณะผู้ตรวจสอบได้กำชับให้ประกอบกิจการให้เป็นไปตามที่ได้รับอนุญาต 

"การกระทำดังกล่าวของผู้ว่าราชการจังหวัด บ่งชี้ว่า มีการปกปิดข้อเท็จจริงและรายงานอันเป็นเท็จโดยมีเจตนาพิเศษต้องการช่วยเหลือบริษัทฯ ไม่ต้องถูกดำเนินคดีแพ่งและอาญา และไม่ต้องปิดกิจการแต่กลับสร้างความเดือดร้อนเสียหายด้วยการทิ้งน้ำเน่าเสียต่อไปได้โดยไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย โดยหลังจากที่มีการแถลงข่าวการจับกุมผู้กระทำความผิดแล้ว ต่อมาในวันที่ 22 มิ.ย. 2567 ผู้ว่าราชหารจังหวัดกลับให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่าท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการออก สปก 4-01 เพราะเป็นหน้าที่ของปฎิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา ขึ้นตรงกับกระทรวงเกษตรฯ โดยมีเจตนาให้สัมภาษณ์เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นหรือปิดบังข้อเท็จจริงเรื่องการปล่อยน้ำเน่าเสียลงไปในที่ดินของ สปก.เกือบ 600 ไร่ตามที่ตนได้ร้องเรียนไว้แล้วข้างต้น" ทนายปราบโกงระบุ

 

นอกจากนี้ นายกฤษฎา ยังกล่าวด้วยว่า การกระทำของผู้ว่าราชการจังหวัดดังกล่าวถือเป็นปฎิปักษ์อย่างร้ายแรงต่อการทำหน้าที่ติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดอาญาร้ายแรงซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่จากส่วนกลางหลายหน่วยงานก็กำลังรวบรวมพยานหลักฐานและสืบสวนสอบสวนขยายผลไปให้ถึงตัวผู้ร่วมขบวนการทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและเอกชนหลายรายให้ได้รับโทษตามกฎหมายต่อไป  

 

ในวันนี้ตนจึงต้องมาร้องขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พิจารณาออกคำสั่งโยกย้าย นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ออกนอกพื้นที่เป็นการด่วนทันที

 

เบื้องต้น หัวหน้ากลุ่มงานร้องทุกข์ ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย รับหนังสือไว้เสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการต่อไป

"กฤษฎา ทนายปราบโกง" ร้อง "อนุทิน" สั่งย้าย ผวจ.โคราช

ข่าวที่น่าสนใจ