ข่าว

ศิษยานุศิษย์ตะลึง สรีระสังขารพระเกจิดัง กลายเป็นสีเหลืองทอง ไม่เน่าเปื่อย

สุดอัศจรรย์ สรีระสังขาร "หลวงปู่เงื่อม อังสุกาโร" พระเกจิดังเป็นสีเหลืองทอง เผาไม่ไหม้ ไม่เน่าเปื่อย ชาวบ้านแห่ส่องเลขเด็ดพิธีเปลี่ยนจีวร

28 มิ.ย. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดกมลศรี หมู่ 1 ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง พระครูมหาเขตตารักษ์ (จรัญญา สิริปญฺโญ) เจ้าคณะอำเภอวังวิเศษ พระใบฎีกาชำนาญ เจ้าอาวาสวัดกมลศรี นายชัยฤทธิ์ ถ่ายย้วน นายก อบต.กะลาเส พร้อมด้วยพระภิกษุกว่า 15 รูป บรรดาสาธุชน และเครือญาติอีกนับ 100 ชีวิต ได้ร่วมกันทำพิธีเปลี่ยนผ้าจีวร ในวันคล้ายวันมรณภาพของ “พระครูกมลวรการ” หรือ “หลวงปู่เงื่อม อังสุกาโร” อดีตเจ้าอาวาสวัดกมลศรี ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง

 

พระเกจิ

ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของ จ.ตรัง ที่สรีระของท่าน ได้ถูกบรรจุเป็นการถาวรไว้ในโลงแก้ว บนแท่นภายในองค์มหาเจดีย์ ที่จัดตั้งอยู่ภายในวัด ภายหลังจากที่ “พระครูกมลวรการ” ได้มรณภาพลงอย่างสงบ เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2552 หรือ กว่า 15 ปี ที่ผ่านมา สิริอายุขณะนั้น 82 ปี 51 พรรษา

 

แต่ในช่วงค่ำของวันที่ 4 ส.ค.2552 ได้มีการเคลื่อนย้ายร่างของท่าน ขึ้นสู่เมรุวัดกมลศรี เพื่อทำการเผาร่าง โดยมีการราดน้ำมันเชื้อเพลิงลงในโลงศพ และต่อด้วยการจุดไฟ จนเพลิงลุกไหม้ท่วมโลงศพเป็นระยะเวลากว่า 10 นาที แต่ปรากฏว่าเพลิงที่ลุกไหม้อยู่นั้นกลับดับลงสนิทอย่างไร้สาเหตุ

 

ศิษยานุศิษย์ตะลึง สรีระสังขารพระเกจิดัง กลายเป็นสีเหลืองทอง ไม่เน่าเปื่อย

จนมีการเข้าไปตรวจสอบดูปรากฏว่าสรีระสังขารของท่าน กลับไม่ถูกไฟไหม้แม้แต่นิดเดียว มีเพียงแค่ผ้าแพรที่ใช้คลุมร่างถูกเพลิงไหม้เพียงแค่นิดน้อยเท่านั้น จนสร้างความความประหลาดใจ และความเลื่อมใสศรัทธาจากประชาชน ชาวบ้าน และชาว จ.ตรัง เป็นอย่างมาก

ศิษยานุศิษย์ตะลึง สรีระสังขารพระเกจิดัง กลายเป็นสีเหลืองทอง ไม่เน่าเปื่อย

โดยในวันนี้ (28 มิ.ย.2567) ช่วงเช้าได้มีการทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 15 รูป ก่อนจะเข้าสู่การเปลี่ยนจีวรร่างของท่าน ที่ถูกบรรจุในลักษณะสวมแว่นตา ศีรษะนอนหนุนหมอนราบไว้ในโลงแก้ว และมีย่าม ไม้เท้า ร่ม ถูกใส่ไว้ในโลงแก้วอีกด้วย ก่อนจะมีการยกเคลื่อนร่างของท่านออกมาเปลี่ยนจีวร จากจีวรเก่าเป็นจีวรใหม่ โดยสภาพร่างของท่าน ปัจจุบันนี้ปรากฏเป็นสีเหลืองทองอร่าม ใบหน้ายังคงเค้าโครงไม่แตกต่างไปจากเดิม

 

เนื้อหนังไม่เน่าไม่เปื่อย แต่หดแห้งไปตามกาลเวลา ดวงตา ฟัน เล็บมือเล็บเท้ายังคงอยู่ในสภาพเดิม แม้ระยะเวลาจะล่วงเลยมาแล้วกว่า 15 ปี นายชัยฤทธิ์ ถ่ายย้วน นายก อบต.กะลาเส กล่าวว่า “หลวงปู่เงื่อม อังสุกาโร” อดีตเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ ปฎิบัติตามพระธรรมวินัยมาเสมอ จนกระทั่งถึงมรณภาพ โดยในวันประชุมเพลิงของท่าน ศิษยานุศิษย์ได้ตั้งจิตอธิฐาน ปรากฏว่าได้เกิดอภินิหารไฟไม่สามารถไหม้โลงและร่างของท่านได้ ซึ่งไหม้แค่เพียงผ้าแพรที่ใช้คลุมร่างเท่านั้น

ศิษยานุศิษย์ตะลึง สรีระสังขารพระเกจิดัง กลายเป็นสีเหลืองทอง ไม่เน่าเปื่อย

แม้ไฟจะไหม้ผ้าแพรคลุมร่าง แต่กลับไม่ระคายมาถึงจีวรและสบงแม้แต่น้อย โดยเมื่อไฟได้ไหม้มาจนถึงสายสะเอว หรือ รัดประคดของท่าน ไฟก็ได้ดับลงอย่างน่าประหลาดใจ ทำให้ทุกคนต่างกล่าวขานกันว่าท่านไฟเผาไม่ไหม้ อาจจะมาจากที่ท่านปฎิบัติธรรมวินัย และเคร่งครัดในศีลด้วยดีเสมอมา จนกลายเป็นที่สักการบูชาของผู้คนทั้ง จ.ตรัง

ซึ่งถือว่าเป็นพระเกจิชื่อดังที่สร้างคุณูปการ จ.ตรัง โดยบุคลิกนิสัยส่วนตัวของท่านขณะมีชีวิตอยู่ พูดน้อย ยิ้มมาก หากท่านมีกิจนิมนต์ แต่รถมารับช้า เมื่อใกล้จะถึงเวลา ท่านจะเดินไปก่อนล่วงหน้า แม้ระยะทางจะกว่า 20 กิโลเมตรก็ตาม

 

ส่วนกิจวัตรของท่านนั้น ฉันข้าวเพียงแค่มื้อเดียวต่อวัน และการฉันข้าวเท่าที่สังเกต ท่านจะไม่รับรู้ในรูปของรส กลิ่นของอาหาร เพราะท่านจะตักกับข้าวทุกอย่างลงไปรวมกัน ผสมกันลงไปในจานเดียว จากนั้นคนทุกอย่างให้เข้ากัน และนั่งพินิจพิเคราะห์ข้าวทุกคำก่อนที่จะฉันลงไป

 

เนื่องจากตนใกล้ชิดและติดตามท่าน จึงเห็นเช่นนี้มาโดยตลอด โดยงานนี้ถือเป็นงานประเพณีวัฒนธรรมของท้องถิ่นไปแล้ว หลังจากนี้ ตนจะนำเข้าสู่สภาวัฒนธรรมเพื่อนำเข้าเป็นงานประจำปี  เพื่อเฉลิมฉลองและสักการบูชาร่างของท่าน ซึ่งในทุกๆ ปี ศิษยานุศิษย์ของท่านจะมาทำบุญรำลึกถึงคุณงามความดีของท่าน

 

ส่วนการเปลี่ยนจีวรนั้นเปลี่ยนมาโดยตลอด แต่หลังจากนี้หากเปลี่ยนบ่อยทุกปีร่างของท่านจะมีการชำรุดทรุดโทรมลงได้ แม้ชื่อนามของท่านยังคงศักดิ์สิทธิ์อยู่ แต่สรีระสังขารเราต้องยอมรับว่าเป็นวัตถุลงแล้ว ซึ่งต้องยอมรับตามหลักธรรมชาติ จึงต้องหารือกับพระภิกษุและคณะกรรมการวัดว่ากี่ปี ถึงจะเปลี่ยนอีกครั้ง แต่การจัดงานรำลึกยังคงจัดต่อเนื่องตลอดในทุกๆ ปี

 

ศิษยานุศิษย์ตะลึง สรีระสังขารพระเกจิดัง กลายเป็นสีเหลืองทอง ไม่เน่าเปื่อย

พระใบฎีกาชำนาญ เจ้าอาวาสวัดกมลศรี กล่าวว่า อาตมา มาเป็นเจ้าอาวาสต่อจากท่าน โดยจะมีการเปลี่ยนจีวร วันที่ 28 มิ.ย. ก่อนวันคล้ายวันมรณะของท่าน คือ วันที่ 29 มิ.ย. จำนวน 1 วัน ท่านเป็นพระที่ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ บูรณะสถานที่ ช่วยเหลือผู้คนมากมาย ซึ่งอาตมาได้สานต่อความตั้งใจของท่าน ที่จะให้สถานที่แห่งนี้เป็นที่ปฎิบัติธรรม และสืบทอดพระพุทธศาสนา

 

อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านต่างไม่พลาดที่จะส่องเลขเด็ด รวมทั้งต่างมีพ่อค้าแม่ค้ามาตั้งแผงขายสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือลอตเตอรี่กันถึงภายในวัด ซึ่งขายดีเป็นอย่างมาก โดยพ่อค้าบอกว่า เลขที่คนซื้อและเกี่ยวข้องกับงานนี้คือ เลขประทัด คือเลข 88 เลขฤกษ์ยกสรีระสังขารเปลี่ยนจีวร คือ 839

 

ศิษยานุศิษย์ตะลึง สรีระสังขารพระเกจิดัง กลายเป็นสีเหลืองทอง ไม่เน่าเปื่อย

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ