เตรียมยื่นยุบ "มูลนิธิ" ฉาว วอนแฟนคลับแยกแยะ ผิด-ถูก

สัปดาห์หน้า เตรียมเปิดโปงต่อสำหรับประเด็นประธานสาวมูลนิธิแห่งหนึ่งเสนอซื้อวุฒิการศึกษาและซื้อขายตำแหน่งในรัฐสภา โดย น.ส.วิไลลักษณ์ หรือ ซ้อลักษณ์  นายแม่ปุ๊กกี้ และ นายรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมยืนยันเตรียมเปิดหลักฐานเด็ดต่อ รวมถึงในวันพรุ่งนี้ (6 ก.ค. 2567) จะเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดี 2 คดี ที่จ.สกลนคร 

1.มีการปลอมแปลงลายเซ็นของซ้อลักษณ์ เป็นกรรมการมูลนิธิ ทั้งๆที่เจ้าตัวยืนยัน ไม่เคยเซ็นลงนามจัดตั้งมูลนิธิแต่ปรากฏชื่อในกรรมการมูลนิธิ 

2.คดีฉ้อโกง ซื้อวุฒิการศึกษา 

นายรภัสสิทธิ์ กล่าวว่า และตามแชทที่เปิดเผยล่าสุด มีการกล่าวอ้าง ซื้อขายตำแหน่งกรรมาธิการ (กมธ.) และแอบอ้างการได้มาซึ่งเครื่องราชฯ  ซึ่งในสัปดาห์หน้าเตรียมยื่นหนังสือถึง นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เพื่อขอให้ตรวจสอบบุคคลนึงที่ประธานมูลนิธิคนดังกล่าวกล่าวอ้างในแชท เพราะหากมีการซื้อขายตำแหน่งจริง คนที่เข้าไปนั่งใน กมธ. มีความรู้ความสามารถ จริงหรือไม่ ส่งผลคความเสียหายระดับชาติ ซึ่งมองว่าฝ่ายบริหารเคลื่อนไหวแล้ว ฝ่ายนิติบัญญิก็ต้องเคลื่อนไหวบ้าง

นอกจากนี้ยังมี พ.ร.บ.เกี่ยวการจัดตั้งมูลนิธิ ที่ระบุไว้ว่า หากประธานมูลนิธิกระทำการใดก็ตามที่ขัดกับวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ มีโทษจำคุกและปรับ ซึ่งสิ่งที่พูดมาทั้งหมด จะนำไปสู่การยื่นพิจารณายุบมูลนิธิได้ และจะยื่นแน่นอน แต่ขอให้คดีปลอมแปลงลายเซ็นซ้อลักษณ์และฉ้อโกงซื้อขายวุฒิการศึกษามีความคืบหน้าก่อน

เพราะวันนี้อีกฝ่ายบอกว่า ทางนายแม่ปุ๊กกี้ ซ้อลักษณ์ ออกมาแฉ เพราะต้องการแสง วันนี้ประชาชนต้องตั้งสติ รถทวร์ แฟนคลับทั้งหลาย ต้องแยกแยะระหว่างความดี ความไม่ดี สิ่งที่ทำผิด ต้องว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่เช่นนั้นสิ่งที่บอก ทำเพื่อประชาชน แต่เบื้องหลัง กระทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ต่อไปก็จะมีคนแบบนี้ออกมาเรื่อยๆ เพื่อแสวงหาผลประโยลน์ 

ขณะที่ด้าน นายแม่ปุ๊กกี้ กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแอบอ้างเบื้องสูงว่า เป็นไปตามตามแชท ให้สังคมพิจารณาเอาเอง สัปดาห์หน้ามีหลักฐานเด็ดอีกที่จะเปิดเผยอีก และจะไปร้องที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ติดตามคดีฉ้อโกงแชร์ เพราะไม่มีความคืบหน้า รวมถึงคดีปัจจุบันด้วย 

ด้านซ้อล้อ ยกมือไหว้กราบขอโทษ ยอมรับผิด ที่จ่ายเงินซื้อวุฒิการศึกษา ที่ออกมาเผยเรื่องราว อย่างน้อยๆถึงจะผิด ก็ยอมรับผิด สิ่งที่ไม่ถูกต้อง ก็ต้องเอามาให้ประชาชนรู้ รู้สึกสำนึกผิด จึงออกมาดีกว่า