ข่าว

สองแม่เฒ่าสุดแค้น เผาพริกเผาเกลือแช่ง นายทุนฮุบที่ดิน สร้างคาเฟ่ดัง

07 ก.ค. 2567

สองแม่เฒ่าสุดแค้น เผาพริกเผาเกลือแช่ง นายทุนฮุบที่ดิน สร้างร้านกาแฟ ลานกางเต็นท์ดัง จ.กาญจนบุรี ร้องหลายหน่วยงาน ผ่านมา 7 ปีคดีไม่คืบ

7 ก.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ พบ นางสมบูรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 73 ปี และนางนารี  (สงวนนามสกุล) อายุ 73 ปี ชาว จ.กาญจบุรี ร่วมกันนำเอาพริก และเกลือมาเผาในเตาถ่านที่ไฟกำลังลุกไหม้ เพื่อเป็นการระบายความคับแค้นใจ และสาปแช่งกลุ่มนายทุน ที่เข้ามาบุกรุกยึดที่ดินบรรพบุรุษของครอบครัวตนเองไปอย่างหน้าตาเฉย

 

ซ้ำยังมีการเข้าไปปลูกสร้างร้านกาแฟ และเปิดเป็นลานกางเต้นท์ให้บริการกับนักท่องเที่ยวอย่างใหญ่โต เป็นล่ำเป็นสัน ทั้งที่ที่ดินแปลงดังกล่าว ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ เป็นที่ดินที่พวกตนได้รับต่อมาจากบรรพบุรุษ

 

โดยนางสมบูรณ์ นำเอาเอกสารแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน จำนวน 3 ไร่ ในพื้นที่หมู่ 3 ต.ม่วงชุม อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี มาโชว์กับผู้สื่อข่าว ซึ่งเอกสารแบบแจ้งการครอบครองที่ดินดังกล่าว ระบุชื่อผู้ครอบครอง คือ นางดำ (สงวนนามสกุล)  ซึ่งเป็นแม่ของนางสมบูรณ์ เป็นผู้ครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2498 ก่อนจะมีการจัดสรรปันส่วนแบ่งให้กับลูกๆ

สองแม่เฒ่าสุดแค้น เผาพริกเผาเกลือแช่ง นายทุนฮุบที่ดิน สร้างคาเฟ่ดัง

 

กระทั่ง ทางกรมชลประทานได้มีการเข้ามาเวนคืนที่ดินบริเวณดังกล่าว เพื่อใช้ในการสร้างเขื่อนท่าม่วง ทำให้ที่ดินที่พวกตนได้รับมาจากบรรพบุษ ถูกเวนคืนไปด้วย แต่หลังจากการสร้างเขื่อนท่าม่วงเสร็จเรียบร้อย ทางกรมชลประทานได้ส่งมอบที่ดินที่เวนคืน ให้กับกรมธนารักษ์ เป็นผู้ดูแล และจัดสรรให้กับประชาชนได้เช่าอยู่อาศัย หรือทำประโยชน์

 

 

โดยตามข้อกำหนดจะต้องให้พวกตน ซึ่งมีชื่อครอบครองเดิมสามารถเช่าได้ก่อน แต่ปรากฏว่า หลังแม่ของนางสมบูรณ์ เสียชีวิตไปเมื่อปี 2532 ก็เริ่มมีกลุ่มนายทุน และผู้มีอิทธิพลในพื้นที่อำเภอท่าม่วง เข้ามาล้อมรั้วที่ดินแปลงดังกล่าว โดยอ้างว่า เป็นที่ดินที่ได้รับมรดกมาจากครอบครัว แต่กลับไม่มีเอกสารใดๆ มาแสดง

สองแม่เฒ่าสุดแค้น เผาพริกเผาเกลือแช่ง นายทุนฮุบที่ดิน สร้างคาเฟ่ดัง

ทางพวกตนที่มีเอกสารการครอบครองอย่างถูกต้อง จึงได้เดินหน้าร้องเรียนไปยังหน่วยงานราชการเพื่อให้พิสูจน์ข้อเท็จจริง กระทั่ง สามารถหาเอกสารมาพิสูจน์ได้ว่า ที่ดินแปลงดังกล่าว เป็นที่ดินที่ครอบครัวของตนครอบครองมาก่อน แต่กลุ่มนายทุนก็ไม่ยอมย้ายออก กลับมีการล้อมรั้วที่ดินและเลี้ยงสุนัขพันธุ์ดุเอาไว้ในที่ดิน ทำให้พวกตนไม่สามารถเข้าไปในที่ดินได้

 

 

เมื่อถึงปี 2561 ทางพวกตนจึงได้ไปร้องเรียนกับทางธนารักษ์ พื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ เพื่อนำเอกสารไปแสดงและจะขอเช่าพื้นที่ดังกล่าวให้ถูกต้อง แต่ทางธนารักษ์กลับอ้างว่า ที่ดินแปลงดังกล่าว มีข้อพิพาทระหว่างพวกตนกับกลุ่มนายทุนที่บุกรุกอยู่ จึงไม่สามารถออกเอกสารการเช่าที่ดินให้ได้ อีกทั้ง ยังไม่สามารถจัดการให้กลุ่มนายทุนที่เข้าไปล้อมรั้ว ย้ายออกได้เช่นกัน ทำให้เรื่องยืดเยื้อมานานหลายปี

 

 

ล่าสุด กลุ่มนายทุน มีการบุกรุกเข้าไปสร้างร้านกาแฟ และเปิดเป็นลานกางเต็นท์ขนาดใหญ่ให้บริการกับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ทั้งที่ไม่ได้มีเอกสารการครอบครองหรือเช่าพื้นที่แต่อย่างใด ขณะที่พวกตน ซึ่งเป็นทายาทเจ้าของที่ดินเดิม กลับต้องกลายเป็นคนไร้ที่อยู่ ที่ผ่านมาแม้จะเดินหน้าร้องเรียนไปหลายหน่วยงาน ก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ

 

หน่วยงานราชการเจ้าของพื้นที่อย่างธนารักษ์ก็ไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้กลุ่มนายทุนเข้ามายึดที่ดินไปสร้างร้านกาแฟ และลานกางเต้นท์ได้อย่างหน้าตาเฉย ทำให้พวกตนหมดหนทางไปรู้จะทำอย่างไร ทำได้เพียงเผาพริกเผาเกลือเพื่อสาปแช่งระบายความคับแค้นใจ และนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาเล่าให้สื่อมวลชนฟัง เพื่อหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม และจะได้มีสิทธิ์เช่าที่ดินเดิมของพวกตน ไปให้ลูกหลานได้มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง ไม่ต้องไปเช่าที่คนอื่นอยู่อาศัยเหมือนในทุกวันนี้